ในทุก ๆ เช้าอันสับสนของชีวิต คงมีกิจวัตรไม่กี่ประเภทที่่เวลาสามารถเอื้ออำนวยให้เราได้ลงมือปฏิบัติก่อนจะต้องออกไปเผชิญกับวันที่วุ่นวาย การดื่มเครื่องดื่มในยามเช้าน่าจะเป็นกิจวัตรยอดนิยมของคนส่วนใหญ่ รวมถึงตัวของผู้เขียนเองด้วย ในขณะที่กำลังพิจารณาเมล็ดกาแฟที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นวาง สายตาก็ไปกระทบกับวัตถุบางอย่างซึ่งมีอักขระต่างประเทศกำกับไว้ว่า Hacienda La Esmeralda Catuai ทำให้ตัวผู้เขียนหยุดสนใจกาแฟตัวอื่นที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าทั้งหมด แล้วหันกลับมาให้ความสนใจกับกาแฟถุงนี้เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจากจะถูกบังคับกลาย ๆ จากวันเวลาที่คั่วแล้ว ความพิเศษในระดับ World Class Specialty และเรื่องราวความเป็นมาของกาแฟก็เป็นสิ่งดึงดูดใจให้ผู้เขียนตระหนักว่า เราไม่สามารถจะมองข้ามกาแฟถุงนี้ไปได้เลย หากกล่าวถึง Hacienda La Esmeralda คงจะไม่มีใครในวงการกาแฟไม่รู้จัก เพราะชื่อนี้เป็นจุดกำเนิดของ กาแฟ Gesha อันเลื่องชื่อ ผู้ผลิตรายนี้เคยได้รับรางวัล Best Of Panama ถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2004-2007 และกลับมาชนะอีก 2 ครั้ง ในปี 2009 – 2010 จนทำให้กาแฟค่ายนี้ได้รับรางวัลมากมาย และทำลายทุกสถิติการซื้อขายอย่างถล่มทลายอีกด้วย นับได้ว่า La Esmeralda เป็นผู้ผลิตกาแฟที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเจ้าหนึ่งในอเมริกากลางเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ภาพของ Hacienda La Esmeralda จะสวยงามขนาดไหนเราคงต้องลืมมันไปก่อนเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของผู้เขียนในขณะนี้ ไม่ใช่กาแฟสายพันธุ์ Gesha หากแต่เป็นสายพันธุ์ Catuai ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันพอสมควรทั้งในเรื่องของที่มาและรสชาตินั่นเอง กาแฟสายพันธุ์ Catuai นั้นเป็นลูกผสมระหว่าง Mundo Novo และ Catura ในบราซิล ลักษณะเด่นของกาแฟสายพันธุ์นี้คือ ลำต้นจะเตี้ยและไม่ค่อยแตกขยายกิ่งก้านออกไปมากนัก ทำให้ทนทานต่อสภาพอากาศที่เป็นเขตมรสุม และมีลมกรรโชกแรง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ระดับสูง 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป จึงทำให้กาแฟสายพันธุ์นี้นิยมปลูกอย่างแพร่หลายในพื้นที่แถบอเมริกา และ แคริบเบียน ส่วนชื่อ Catuai นั้นมาจากภาษาถิ่นของชาวพื้นเมืองในแถบกัวรานี มีความหมายว่า “Very Good” นั่นเอง ด้วยลักษณะทางพันธุกรรมแล้วอาจจะกล่าวได้ว่า รสชาติที่เราคาดหวังและเป็นจุดเด่นของกาแฟชนิดนี้คือ ความหวานแบบผลไม้สุก มีรสชาติกลมกล่อม และไม่แหลมไม่โดดไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป สรุปได้ว่าข้อดีของ Catuai คือ ความสมดุลย์ของรสชาตินั่นเอง Hacienda La Esmeralda Catuai เป็นเมล็ดกาแฟที่ได้รับการเก็บเกี่ยวอย่างประณีต มีการจัดการอย่างเป็นระบบโดยใช้การจดบันทึกเพื่อให้สามารถคำนวณระยะเวลาการเก็บเกี่ยวได้อย่างแม่นยำ และการเก็บเกี่ยวนั้นก็เป็นไปอย่างระมัดระวังเพื่อลดโอกาสที่จะทำให้เมล็ดกาแฟที่ยังไม่สมบูรณ์ได้รับความเสียหายอีกด้วย ในส่วนของกระบวนการแปรรูปนั้นได้เลือกใช้บริการแบบตากแห้ง(Dry Process) เพื่อทำให้เมล็ดกาแฟสามารถแสดงอัตลักษณ์ของตัวมันเองออกมาได้อย่างเต็มที่ และด้วยเทคโนโลยีการแปรรูปแบบ Guadiola Drum ซึ่งสามารถควบคุม อุณหภูมิ ความชื้น ได้อย่างคงที่และมีประสิทธิภาพสูง ทำให้ลดโอกาสที่เมล็ดกาแฟจะได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้เมล็ดกาฟที่ได้รับมีคุณภาพและรสชาติที่ดีขึ้นนั่นเอง กรรมวิธีในการคั่ว เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟโดยตรง ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นที่ผู้เขียนได้รับมา กาแฟชุดนี้ถูกคั่วด้วยเทคนิคการคั่วเฉพาะทางเพื่อให้ได้กาแฟที่ตอบสนองกับการสกัดในหลากหลายแนวทาง ที่เรียกว่า Omni Roast นั่นเอง ด้วยการคั่วแบบก้ำกึ่งเช่นนี้ มีทั้งข้อดี และ ข้อเสียให้เราได้ถกเถียงกันอยู่พอสมควร ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนก็คือรสชาติกาแฟยังคงความกลมกล่อม ลักษณะเด่น จากผลไม้สุก และเหล้าองุ่น ยังคงชัดเจน ความหวานติดปลายลิ้นนั้นอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนข้อเสียที่เราอาจจะต้องทำใจเอาไว้สำหรับการคั่วแบบนี้ก็คือ กลิ่นและรสของช็อคโกแลตที่เกิดจากการขยับโปรไฟล์อาจจะแวะเวียนมาทักทายเป็นระยะ ๆ ส่งผลให้ผู้ที่หลงใหลในกาแฟ Single Origin อาจจะไม่คุ้นชินกับการถูกคุกคามรสชาติส่วนตัวเช่นนี้มากนัก บนโลกของกาแฟก็เปรียบเสมือนโลกของความเป็นจริง ในกาแฟหนึ่งแก้วย่อมมีทั้งข้อดี และข้อเสีย กาแฟก็เหมือนกับคนเราที่ไม่ได้ถูกสร้างมาให้สมบูรณ์แบบไปเสียหมดทุกอย่าง กาแฟแต่ละชนิดต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเพื่อทำให้เครื่องดื่มแก้วหนึ่งมีความลงตัว การเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้สัมผัสกาแฟหลากหลายชนิดก็เปรียบเสมือนการพบเจอกับคนแปลกหน้าที่ผ่านมาให้เราได้ศึกษาเรียนรู้เพื่อจะมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่กันและกัน มากกว่าการเสพกาแฟเพื่อค้นหาความสมบูรณ์แบบที่เราอาจไม่มีวันได้พบเจอ แล้วเราจะรู้ว่ากาแฟหนึ่งแก้วให้อะไรมากกว่าที่เราคิด ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน