เชียงใหม่ในวันนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ทุกตรอกซอกซอย มีร้านใหม่ๆ น่าสนใจมากมาย จนเราตามไปลองไม่ทัน แต่มีคาเฟ่แห่งหนึ่งที่พอขับรถผ่านแล้วต้องขอแวะทันที นั่นก็คือที่นี่, Magokoro Teahouse ในย่านคูเมืองเชียงใหม่ บนถนนศรีดlอนไชย บ้านไม้ทรงญี่ปุ่นประยุกต์หลังเล็กๆ ซ่อนตัวใต้ร่มไม้ ม่านผ้าสีขาวเขียนตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่น จนคลับคล้ายว่ากำลังยืนอยู่หน้าโรงน้ำชาแห่งหนึ่งในแดนอาทิตย์อุทัย และเมื่อเลื่อนประตูก้าวเท้าเข้าไป พนักงานก็รีบเข้ามาต้อนรับ ช่วงที่เราไปคือบ่ายแก่ๆ วันอาทิตย์ ลูกค้าหนาตา จนพนักงานต้องขอจดคิวและให้เรานั่งรอที่ว่าง โชคดีที่รอไม่นาน และมีระบบจัดการคิวที่ดี เมื่อถึงคิวเราจึงจะได้เดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ และเมื่อสั่งเสร็จ ที่นั่งก็พร้อมพอดี และโชคดีที่เราได้ที่นั่งตรงชานด้านนอก หันหน้าเข้าหาสวนญี่ปุ่นที่จัดไว้อย่างดี และมีต้นไผ่ล้อมรอบคอยส่งเสียงสะบัดใบเมื่อลมพัดผ่าน และกรองเสียงเครื่องยนต์จากถนนด้านนอก ที่นี่ใช้ชาเขียวเกรดดีจากญี่ปุ่น มีหลายเกรด แต่ละเกรดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันและเหมาะกับวิธีการชงที่ต่างกัน แต่เพราะอากาศวันนั้นค่อนข้างร้อน เราเลยขออนุญาตสั่ง Matcha Slurpee มา พร้อม Anmitsu with hojicha ส่วนเพื่อนสั่ง Matcha Affogato แต่พอเหลือบไปเห็นขนมในตู้เค้ก ก็อดใจไม่ได้ที่จะสั่ง Yuzu Honey Breeze มาชิมกันอีกหนึ่งชิ้น รอไม่นาน Matcha Slurpee ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ พอดูดไปคำแรกก็เซอร์ไพรส์ในรสชาติละมุนละไมแต่ยังคงความเข้มข้นของชาเขียวไว้อย่างครบถ้วน ทางร้านใช้มัทฉะ katakuri ซึ่งถือเป็นชาคุณภาพสูงจากฤดูเก็บเกี่ยวแรก รสชาติกลมกล่อมและสดชื่นไปพร้อมๆ กัน จากนั้นไม่นาน Anmitsu ก็มาเสิร์ฟ ซึ่งประกอบไปด้วยเยลลี่ โมจิ ถั่วแดง น้ำเชื่อม และมีโฮจิฉะเข้มข้นให้ราดลงไป รสชาติเข้ากันดีมาก จนตักเข้าปากแป๊บเดียวก็หมดถ้วย มัทฉะอัฟโฟกาโต้ของร้านใช้ไอศกรีมนมฮอกไกโด ซึ่งรสชาติเข้มข้น นุ่มนวลตัดกับชาเขียวรสเข้มได้เป็นอย่างดี แต่ไฮไลท์เด็ดคือ Yuzu Honey Breeze ที่ผสมผสานรสชาติของส้มยูสุ และน้ำผึ้งได้ดีมาก ในความคิดเห็นของเรา เราคิดว่า Magokoro Teahouse มอบประสบการณ์ที่ดีให้เรา ร้านบรรยากาศดี เครื่องดื่มและของหวานอร่อยทุกอย่างที่เราได้ลอง เรามีใจให้มัทฉะเสียแล้วล่ะ และมีใจให้กับโรงน้ำชาแห่งนี้ที่เสิร์ฟทุกอย่างด้วยความจริงใจ สมชื่อ Magokoro ที่แปลว่า ‘ความจริงใจ’ จริงๆ