เวลาไปเจอผักอะไรที่ไม่ค่อยได้เจอ ผู้เขียนจะไม่รีรอที่จะซื้อมาทำกิน เพราะอยาก "เติมผักเข้าร่าง" และเมื่อไม่กี่วันก่อน โชคดี เจอ "จิงจูฉ่าย" ในแผงผักของตลาดสดใกล้บ้าน เลยจัดมาหนึ่งกำใหญ่ ได้ผลลัพธ์เป็นสองเมนูที่จะมาชวนเพื่อนนักอ่านทำกินกันวันนี้ค่ะ คือ ผัดผักจิงจูฉ่ายและต้มกระดูกหมูจิงจูฉ่ายมาเริ่มทำกันนะคะ ผัดผักจิงจูฉ่าย เมนูนี้ ผู้เขียนทำง่าย ๆ เลยค่ะนำผักจิงจูฉ่าย มาล้างให้สะอาด สงให้สะเด็ดน้ำ แล้วหั่นท่อนสักสองนิ้ว แครอท ล้าง ปอกเปลือก ซอยเป็นท่อนสักสองนิ้ว กระเทียมจีน 3 กลีบ ล้าง ปอกเปลือก สับหยาบ ๆ รอไว้พริกจินดา 2 เม็ด ล้าง และสับหยาบ ๆ รอไว้น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะน้ำปลา 1 ช้อนชาน้ำตาลทราย 1 ช้อนชาน้ำต้มสุกอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ เริ่มผัดกันค่ะ ตั้งกะทะ เปิดไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อน เอากระเทียมและพริกลงผัดให้เหลืองหอมใส่ผักจิงจูฉ่ายและแครอทตามลงไป ผัดให้พอสลด แล้วเติมเครื่องปรุง ซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาลทราย และน้ำต้มสุกอุ่น ชิมรส เติมเพิ่มตามชอบให้ถูกใจ ตักขึ้นใส่จานเท่านี้ ก็ได้หนึ่งเมนูผัดผักที่มีรส เค็ม ๆ หวาน ๆ พอประมาณมากินกับ ปลาทอดกรอบ ๆ และข้าวสวยร้อน ๆ หนึ่งถ้วย ก็อิ่มกำลังดี มีแรงทำงานละ ^__^ แต่ผู้เขียนก็ทำ "พริกน้ำปลามะนาว" ไว้อีกถ้วยหนึ่งเผื่อให้คนที่บ้านที่กินรสจัดกว่าผู้เขียนได้กินแกล้มกับปลาทอดให้เจริญอาหารขึ้นอีกหน่อยสำหรับเมนูที่สอง ต้มกระดูกหมูจิงจูฉ่าย ผู้เขียนตั้งใจว่า จะทำไว้กินกับข้าวในมื้อเย็นของวัน เป็นข้าวต้มกระดูกหมูจิงจูฉ่าย เลยจะต้ม น้ำซุบ เก็บไว้ก่อน ระหว่างวันก็กินอย่างอื่นไปก่อนซุบกระดูกหมูจิงจูฉ่าย ของผู้เขียน เครื่องเคราก็ประมาณนี้ค่ะกระดูกหมูหนึ่งเส้น ราว ๆ 4 ขีด เห็ดหอมแห้งดอกเล็ก 7 - 8 ดอก ล้าง แช่น้ำให้นิ่ม หั่นให้ได้ สามชิ้นต่อดอกกุ้งแห้ง สักสองช้อนโต๊ะ ล้างให้สะอาด พักไว้กระเทียมจีน 2 กลีบ ล้าง ปอกเปลือก บุบพอแตก สำหรับใส่ลงไปในหม้อต้มกระดูกหมู แครอท ล้าง ปอกเปลือก หั่นแว่นบาง ๆ หรือซอยเป็นท่อน ซีอิ๊วขาว มาตั้งเตาต้มกันค่ะ ^___^ เติมน้ำในกะทะ กะให้พอท่วมกระดูกหมูที่จะใส่ เปิดไฟ ใส่กระดูกหมู และกระเทียมบุบลงไปต้ม พอเดือด ช้อนฟองออกให้หมดเพื่อให้น้ำซุบใสหรี่ไฟเบาลง เคี่ยวไปเรื่อยให้กระดูกหมูเปื่อยนิ่ม ระหว่างนี้ ใส่แครอท และเห็ดหอม รวมถึงกุ้งแห้งลงไปด้วย ให้สามสิ่งนี้ ช่วยเสริมให้น้ำซุบหอมหวานน่ากินยิ่งขึ้นปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวระหว่างรอเคี่ยวน้ำซุบ มาทำ กระเทียมเจียว ไว้โรยหน้าข้าวต้มกระดูกหมูของเรากันค่ะ1. ล้างกระเทียมจีนสัก 3 กลีบ ปอกเปลือก สับกระเทียมให้ละเอียด2. เอาลงกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย เจียวให้พอเหลือง ปิดไฟ ตักขึ้น มันจะยังมีความร้อนทำให้สุกกรอบขึ้นอีกอ้อ !!!! ผู้เขียน ล้าง และหั่นผักจิงจูฉ่ายเก็บไว้รอท่าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน จัดการเอาใส่กล่องเก็บเข้าตู้เย็นพอถึงเวลามื้อเย็น ก่อนจะกิน ก็จัดการตามนี้เลยค่ะ 1. ตักน้ำซุบกระดูกหมู มาใส่หม้อเล็ก เปิดไฟอุ่นกระดูกหมูกับน้ำซุบให้ร้อนได้ที่2. ใส่ผักจิงจูฉ่ายลงไป กะปริมาณผักให้พอกินต่อชาม เพื่อให้ผักยังสีสวยน่ากิน3. พอพร้อมแล้ว ก็จัดการตักน้ำซุบกระดูกหมู พร้อมผัก ราดบนชามข้าวสวยร้อน ๆ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและเหยาะพริกไทยป่นสักหน่อย** ถ้าใครจะทำน้ำปลาพริกมาไว้ปรุงรสให้จัดขึ้นอีกหน่อย ก็ไม่ผิดกติกาอะไรนะคะ ** พอตักเข้าปากก็ อืม นี่แหละ คือรสชาติที่ถูกใจของผู้เขียน เช็ง ๆ ใส ๆ กินแล้วชื่นใจจากความหวานตามธรรมชาติของกระดูกหมู แครอท เห็ดหอม และกุ้งแห้ง มีเค็มนิด ๆ และเผ็ดหน่อย ๆ จากซีอิ๊วขาวและพริกไทยป่น เท่านี้เอง จบไปอีกวัน แบบไม่แน่น หนักท้องเกินไป จิงจูฉ่าย สำหรับบางคนที่ไม่คุ้น อาจจะมองดูเหมือน ใบคื่นช่าย ช่วงแรก ๆ ที่รู้จักเจ้าผักชนิดนี้ ผู้เขียนก็มองผิดเช่นกันค่ะ แต่ตอนนี้ แยกออกแล้ว มันยังเป็นผักที่มีกลิ่นเฉพาะตัวด้วย ทำให้ข้าวต้มกระดูกหมูของเราอร่อยไปอีกแบบ ต่างจากการใส่ใบตำลึง หรือผักตั้งโอ๋ หรือผักกาดหอม ที่บางเจ้าที่ขายให้เราจะใส่ตังฉ่ายในน้ำซุบด้วย ประโยชน์ของผักชนิดนี้ สำหรับผู้เขียนแล้ว แค่ได้กินผักใบเขียวก็ถือว่าดี นี่ไปอ่านเจอมา ยิ่งรู้สึกว่า ดีมาก ๆ เพราะตัวผู้เขียนเองมีปัญหา จุกเสียด แน่นท้อง บ่อย ๆ ซึ่งผักชนิดนี้ช่วยได้ เลยใส่ใจกินมันมากสักหน่อย และผักยังดีกับสุขภาพ เพิ่ม กากใยในลำไส้ ทำให้ ขับถ่าย สบายขึ้น ใครที่ท้องผูก กินผักแล้วก็ดีขึ้นทุกราย นี่ผู้เขียนยังคิดว่า ครั้งหน้า ถ้าได้ทำ สาคูไส้หมู อีกหนึ่งของกินเล่นที่ผู้เขียนก็ชอบไม่น้อย จะหาผักจิงจูฉ่ายมากินแกล้มแทนผักชี และผักกาดหอมบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศสักนิด น่าจะดี ตอนนี้ ขอไปเดินเล่นย่อยอาหารยามเย็นก่อนค่ะ พบกันใหม่ในบทความหน้านะคะสวัสดีค่ะ ^__^ #kamon #TrueIDIntrend #Food #อาหาร #Veggie #จิงจูฉ่าย #ผัดผักจิงจูฉ่าย #กระดูกหมูจิงจูฉ่าย #เติมผักเข้าร่าง #ทำเองกินเอง ภาพปกและภาพประกอบ โดยผู้เขียน