9 วิธีเลือกซื้อกะปิ แบบไหนคุณภาพ สะอาดและดี | บทความโดย Pchalisa จากที่เราต่างก็รู้มาว่า การเลือกกะปิที่ดีจะช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารของเราอร่อยยิ่งขึ้น พอเป็นแบบนี้การเลือกกะปิจึงเป็นประเด็นที่ต้องเรียนรู้กันค่ะ เพราะนอกจากจะเกี่ยวข้องกับรสชาติของอาหารแล้ว การรู้เคล็ดลับในการเลือกกะปิ จะช่วยให้เราได้กะปิที่มีคุณภาพ สะอาดและดีค่ะ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมารู้ไปพร้อมๆ กันกับ 9 วิธีเลือกกะปิค่ะ ดังนี้ 1. ดูที่สี กะปิที่ดีจะมีสีแดงออกม่วง ไม่คล้ำมาก เนื้อกะปิจะละเอียดสม่ำเสมอ ไม่หยาบกร้าน เนื่องจากสีของกะปินั้นบ่งบอกถึงกระบวนการหมักและวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตค่ะ สีแดงม่วงที่ได้จากการหมักของเคย ทำให้กะปิมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และรสชาติที่กลมกล่อม หากกะปิมีสีคล้ำเกินไป อาจบ่งบอกว่าผ่านการหมักนานเกินไป หรือมีการเติมสีสังเคราะห์เข้าไปค่ะ โดย สีแดงม่วงสดใส: แสดงว่ากะปิมีความสดใหม่ ผ่านกระบวนการหมักที่เหมาะสม และมีคุณภาพดี สีแดงเข้มคล้ำ: อาจบ่งบอกว่ากะปิผ่านการหมักนานเกินไป อาจมีรสชาติเปรี้ยว หรือมีกลิ่นเหม็น สีซีด: อาจเกิดจากการผสมน้ำ หรือมีการเติมสีสังเคราะห์ 2. เนื้อกะปิ ควรเลือกเนื้อกะปิที่ดีจะเหนียวละเอียด ไม่แข็งกระด้าง หรือมีเม็ดๆ ปะปนค่ะ เพราะเนื้อสัมผัสของกะปินั้นบ่งบอกถึงคุณภาพและกระบวนการผลิตค่ะ เนื้อกะปิที่เหนียวละเอียดแสดงว่า ผ่านการหมักอย่างดี: กระบวนการหมักที่เหมาะสมจะทำให้เนื้อเคยสลายตัวและผสมผสานเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้ได้เนื้อกะปิที่เนียนละเอียด วัตถุดิบคุณภาพ: การใช้เคยสดใหม่และสะอาด จะส่งผลให้ได้เนื้อกะปิที่มีคุณภาพดี ปราศจากสิ่งเจือปน: เนื้อกะปิที่เหนียวละเอียดแสดงว่าปราศจากการเจือปนของสิ่งแปลกปลอม เช่น เศษเปลือกกุ้ง หรือวัตถุดิบอื่นๆ และเนื้อกะปิที่ไม่ดีมีลักษณะ ดังนี้ค่ะ แข็งกระด้าง: อาจเกิดจากการหมักไม่เพียงพอ หรือมีการเติมแป้งหรือวัตถุอื่นๆ ลงไป มีเม็ดๆ: อาจเกิดจากการปนเปื้อนของเศษเปลือกกุ้ง หรือการบดไม่ละเอียด ร่วน: แสดงว่ากะปิแห้งเกินไป หรือมีการเติมน้ำมากเกินไป 3. กลิ่น กลิ่นหอมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อกะปิคุณภาพ การเลือกกะปิที่มีกลิ่นหอมของเคย บ่งบอกว่ากะปินั้นสดใหม่ ผ่านกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ และมีรสชาติที่อร่อย ซึ่งกะปิที่ดีควรมีกลิ่นหอมของเคย ไม่เหม็นคาวหรือกลิ่นเปรี้ยวค่ะ จากที่กลิ่นหอมเฉพาะตัวของกะปินั้นเกิดจากกระบวนการหมักที่เหมาะสม ซึ่งทำให้โปรตีนในเคยสลายตัวและเกิดสารประกอบที่มีกลิ่นหอมหลากหลายชนิด โดยกลิ่นหอมที่ได้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเคย ระยะเวลาในการหมัก และสภาพแวดล้อมในการหมัก ซึ่งถ้าพบว่า มีกลิ่นหอมของเคย: เป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของกะปิ บ่งบอกว่ากะปิมีคุณภาพดี ผ่านกระบวนการหมักที่เหมาะสม และปราศจากสิ่งเจือปน กลิ่นคาว: อาจเกิดจากการใช้เคยที่ไม่สด หรือมีการปนเปื้อนของสิ่งสกปรก กลิ่นเปรี้ยว: อาจเกิดจากการหมักนานเกินไป หรือมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย 4. ความชื้น ระดับความชื้นในกะปิมีผลต่อทั้งรสชาติและอายุการเก็บรักษาค่ะ ถ้ากะปิชื้นเกินไป อาจทำให้เกิดเชื้อราและเสียได้ง่าย แต่ถ้าแห้งเกินไป เนื้อกะปิก็จะแข็งกระด้าง และรสชาติไม่อร่อย ซึ่งกะปิที่ดีจะไม่ชื้นจนเกินไปหรือแห้งจนเกินไปค่ะ และวิธีสังเกตความชื้นในกะปิทำแบบนี้ค่ะ กะปิที่ดีจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มแต่ไม่เละ เมื่อกดลงไปจะไม่ติดมือ กะปิที่ชื้นเกินไปอาจมีกลิ่นอับชื้นหรือเปรี้ยว ส่วนกะปิที่แห้งเกินไปอาจมีกลิ่นหอมน้อยลง กะปิที่ชื้นเกินไปอาจมีคราบน้ำหรือเชื้อราปรากฏบนผิว ส่วนกะปิที่แห้งเกินไปอาจมีรอยแตก 5. รสชาติ รสชาติเค็มกลมกล่อมเป็นหนึ่งในลักษณะเด่นของกะปิคุณภาพ การเลือกกะปิที่มีรสชาติเค็มกลมกล่อมและหอมกลิ่นเคย จะช่วยให้คุณได้รสชาติที่อร่อยและเป็นธรรมชาติ ดังนั้นหากได้ลองชมกะปิควรทำค่ะ โดยเมื่อชิมจะรู้สึกถึงความเค็มกลมกล่อม หอมกลิ่นเคย ซึ่งรสชาติเค็มของกะปิมาจากเกลือที่ใช้ในการหมัก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และช่วยให้กะปิสามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น นอกจากนี้กระบวนการหมักยังทำให้เกิดสารประกอบที่มีรสชาติอร่อยและกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสเค็มที่กลมกล่อมแสดงว่าปริมาณเกลือที่ใช้ในการหมักนั้นเหมาะสม ไม่เค็มจนเกินไปและไม่จืดชืดเกินไป รสชาติที่กลมกล่อมบ่งบอกว่ากะปิได้ผ่านกระบวนการหมักที่สมบูรณ์ ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนและสร้างรสชาติที่อร่อย การใช้เคยสดใหม่และสะอาด จะส่งผลให้ได้กะปิที่มีรสชาติที่อร่อยและเป็นธรรมชาติค่ะ 6. เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ การเลือกซื้อกะปิจากแหล่งที่เชื่อถือได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากะปิที่ได้มานั้นมีคุณภาพ สะอาด เนื่องจากแหล่งที่เชื่อถือได้มักจะมีการหมุนเวียนสินค้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้คุณผู้อ่านได้กะปิที่สดใหม่ สถานที่ขายที่สะอาดและถูกสุขลักษณะ จะช่วยลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนของเชื้อโรค สถานที่ที่มีกะปิที่ดีขาย เช่น ตลาดสด ร้านค้าที่มีชื่อเสียง หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งในกรณีของผู้เขียนนั้นมักซื้อกะปิจากตลาดท่องเที่ยวที่ติดทะเลค่ะ เพราะชอบกะปิที่ทำจากท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งจากที่สังเกตมาตลอดคือได้กะปิสดใหม่และคุณภาพดีค่ะ 7. อ่านฉลาก การอ่านฉลากบนบรรจุภัณฑ์กะปิเป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามไป แต่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบคุณภาพและส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้กะปิที่ปลอดภัยและมีรสชาติอร่อยตามที่ต้องการ ฉลากจะระบุรายละเอียดของวัตถุดิบที่นำมาผลิตกะปิ ซึ่งรวมถึงชนิดของเคย เกลือ และวัตถุดิบอื่นๆ ที่อาจมีการเติมเข้าไป หากคุณมีอาการแพ้อาหารบางชนิด การอ่านฉลากจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ไม่เหมาะสมค่ะ การที่ผู้ขายสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับแหล่งที่มาและกระบวนการผลิตได้อย่างชัดเจน เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือและความใส่ใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 8. สอบถามผู้ขาย การสอบถามผู้ขายเกี่ยวกับแหล่งที่มาและวิธีการผลิตกะปิ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากการอ่านฉลากแล้ว การพูดคุยกับผู้ขายโดยตรงจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้นค่ะ และผู้ขายที่มีประสบการณ์สามารถแนะนำกะปิที่เหมาะกับความชอบและการใช้งานของคุณผู้อ่านได้ค่ะ 9. หลีกเลี่ยงการซื้อกะปิที่บรรจุในภาชนะที่เปิดออกแล้ว หรือมีรอยแตกเสียหาย เนื่องจากเมื่อภาชนะบรรจุเสียหาย กะปิจะสัมผัสกับอากาศโดยตรง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและเสื่อมสภาพได้ง่ายขึ้นเพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนค่ะ ซึ่งกะปิที่สัมผัสกับอากาศจะสูญเสียความชื้นไป ทำให้เนื้อแห้งแข็งและมีรสชาติเปลี่ยนไป อากาศที่ปะทะกับกะปิอาจนำพาเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย รา หรือยีสต์ เข้าไปปนเปื้อนได้ง่าย กะปิที่เปิดออกแล้วอาจดูดซับกลิ่นอื่นๆ รอบข้าง เช่น กลิ่นอาหารอื่นๆ ทำให้กลิ่นและรสชาติของกะปิเปลี่ยนแปลงไป ก็จบแล้วค่ะ กับเคล็ดลับเลือกกะปิคุณภาพ ที่ไม่ยากเกินไปที่จะนำไปใช้ในสถานการณ์จริงใช่ไหมคะ? โดยเคล็ดลับทั้งหมดในบทความนี้ผู้เขียนก็ได้นำไปใช้เหมือนกันค่ะ ก็อย่างที่ได้พูดไว้บ้างแล้วก่อนหน้านี้ว่า มักหาแหล่งที่มีกะปิที่ดีขายก่อนเสมอ จากนั้นจะดูเรื่องฉลากค่ะ และต่อด้วยประเมินสีของกะปิค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านต้องลองนำข้อมูลในนี้ไปปรับใช้กันค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://food.trueid.net/detail/jyXGVxgmJ4JP https://food.trueid.net/detail/4LPZADXW5MZy https://food.trueid.net/detail/1X3pz1KA845M เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !