ช่วงเวลาที่น้ำหนักตัวเยอะขึ้น นอกจากจะต้องออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำมาก ๆ อีกสิ่งที่ทำก็คือจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการกินของตัวเราเอง นั่นคือการลดอาหารในมื้อเย็นเป็นหลัก เพราะหลังจากกินอาหารมื้อเย็นไม่นาน ก็จะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเข้านอนแล้ว ดังนั้นสิ่งที่กินเข้าไปจึงไม่ได้รับการเผาผลาญเพราะไม่ได้ใช้แรงใด ๆ ดังนั้นมื้อเย็นก็จะกินให้น้อย งด ข้าว แป้ง น้ำตาล และอาหารหนัก ๆ แต่จะมากินอาหารเบา ๆ เช่น แกงจืดต่าง ๆ แทน แกงจืดที่ทำอยู่เป็นประจำก็คือ “แกงจืดตำลึง” เพราะรั้วบ้านมีตำลึงทอดยอดอยู่เสมอ แกงจืดตำลึง ที่เราจะทำก็คือ “แกงจืดตำลึงเต้าหู้หมูสับ” เพราะเป็นเมนูอาหารที่ทำง่าย ๆ มีประโยชน์ต่อร่างกายและเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังต้องการควบคุมน้ำหนักของตัวเอง การกิน แกงจืดตำลึง จะได้สารอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน จาก หมูสับ และ เต้าหู้ไข่ ที่มีโปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์บางชนิดถึง 2 เท่า นอกจากนี้ใน เต้าหู้ไข่ ยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ด้วย ส่วน ตำลึง นั้นเป็นพืชสีเขียว มีเส้นใยอาหาร และมีสารเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และมีวิตามินซีและอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้น แกงจืดตำลึงเต้าหู้หมูสับ จึงเป็นอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเพราะไม่มีแป้งเลย วัตถุดิบ ประกอบด้วย 1. ตำลึง 2. เต้าหู้ไข่ 3. หมูสับ 4. กระเทียม 5. รากผักชี 6. พริกไทยป่น 7. ซีอิ้วขาว 8. น้ำสต๊อกกระดูกหมู วิธีทำ 1. เด็ดตำลึงตามปริมาณที่จะใช้ ขึ้นอยู่ว่าจะทำมากหรือทำน้อย แต่ควรจะเด็ดไว้มาก ๆ เพราะใส่ลงหม้อ น้ำเดือด ๆ ใบตำลึงก็จะยุบตัว เสร็จแล้วล้างให้สะอาดพักไว้ 2. นำเต้าหู้ไข่ ตามจำนวนที่จะใช้มาหั่นเป็นชิ้น ๆ 3. เตรียมหมูสับ อาจจะซื้อแบบสำเร็จ หรือ สับเองก็ได้ ถ้าสับเองจะดีกว่าเพราะสามารถนำเนื้อหมูล้วน ๆ มาสับ ส่วนหมูสับจากท้องตลาดนั้นส่วนใหญ่จะมีมันหมูปนมาด้วย 4. นำน้ำสต๊อกกระดูกหมูใส่หม้อพอประมาณ ดูให้พอเหมาะกับจำนวนวัสดุดิบที่เราเตรียมไว้ 5. บุบกระเทียมและรากผักชีลงไป ตั้งไฟ 6. เมื่อน้ำเดือดก็ใส่หมูสับที่ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ ลงไป 7. รอจนน้ำเดือดอีกครั้งใส่ตำลึง และ เต้าหู้ 8. ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว พริกไทย ตามชอบ 9.เมื่อน้ำเดือดก็ปิดไฟ 10 ตักเสริฟ์ได้เลย สิ่งที่สำคัญที่เราอยากย้ำมาก ๆ ก็คือ การกินอาหารทุกอย่าง ไม่ควรปรุงรสจัดเกินไป โดยเฉพาะรสเค็ม เพราะรสเค็มส่งผลต่อไตโดยตรง จะทำให้เป็นโรคไตได้ในอนาคต และไม่ว่าจะกินอาหารอะไรก็กินแค่พอดี ๆ กินเยอะเกินไป ล้วนส่งผลเสียต่อร่างกาย และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่ต้องการ "ลดน้ำหนัก" ก็คือ จะต้องออกกำลังกายด้วย... ขอให้ลดน้ำหนักได้ตามใจคิด และ มีความสุขกับชีวิตทุก ๆ วัน นะคะ ทุก ๆ คน :) ภาพประกอบโดย ผู้เขียน :: ฉันท์ชมา