บางทีเราเคยทานอาหารภาคกลางที่เป็นแกงกะทิกันแล้ว ในเรื่องรสชาติอาจจะไม่ค่อยจัดจ้านกันสักเท่าไหร่ เพราะทางภาคกลางเค้าก็จะมีเอกลักษณ์ในเรื่องอาหารที่เป็นแนวไทย ๆ เสน่ห์ปลายจวัก แบบโบราณ ๆ ที่มีความอร่อยไม่แพ้ทางภาคอื่นเหมือนกัน ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบกันในเรื่องของอาหาร สำหรับคนที่ชอบทานอาหารรสจัด อาหารทางภาคใต้ และทางภาคอีสาน จะมีความดุเด็ด เผ็ดร้อน และมีเครื่องเทศ ในพริกแกงที่เวลาทานลงไป หุบปากไม่ลงกันเลยเชียว วันนี้ผู้เขียนจะมาทำแกงหมูแบบดุเด็ด เผ้ดร้อน ในแบบที่ใครชอบทานแกงที่มีกลิ่น และรสชาติ ของเครื่องเทศ แบบเน้น ๆ ก็ต้องแกงหมูแบบนี้ลยค่ะ เริ่มจากการเตรียมเครื่องปรุงมาทำพริกแกงสดก่อนค่ะ.ทุกคน 1.พริกแห้ง 6 เม็ด2.ข่าแก่ 2 แว่น3.ตระไคร้ 1 ต้น4.กระเทียม 8 กลีบ5.ดีปลี 1 เม็ด6.ผิวมะกรูดเล็กน้อย7.พริกไทยเม็ดเล็กน้อย8.เกลือป่นเล็กน้อย9.กะปิอย่างดี 1 ช้อนชานำส่วนผสมทุกอย่างใส่ครกโขลกให้ละเอียด พักไว้เตรียมวัตถุดิบในการทำแกง1.เนื้อหมูส่วนสะโพก แล่เป็นชิ้นพอคำ ไม่ต้องแล่หนามากนะคะ2.ตับหมูแล่เป็นชิ้นพอคำ3.ถั่วฝักยาว 1 ถ้วย4.มะเขือเปาะผ่า 1 ถ้วย5.พริกชี้ฟ้า เขียว , แดง หั่นเฉียง 10 เม็ด6.ใบโหระพา7.พริกไทยป่นอย่างดี8.น้ำกะทิ หัวกะทิ / 200 มิลลิลตร, หางกะทิ 150 มิลลิลิตร9.น้ำปลาอย่างดีเล็กน้อย10.รสดี 1 ช้อนโต๊ะ11.น้ำตาลทราย12.เกลือป่น 1 ช้อนชา13.ผงชูรสเล็กน้อย14.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ15.น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงขั้นตอนการหมักเนื้อสะโพกหมูและตับหมูหมักเนื้อสะโพกหมูที่แล่เป็นชิ้นด้วยเบ็กกิ้งโซดา 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา เกลือเล็กน้อย แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา หมักทิ้งไว้ก่อนอย่างน้อย 1/2 ชั่วโมง หมักตับหมูด้วยแป้งมัน 1/2 ชั่วโมงเมื่อได้เวลาครบตามกำหนด นำเนื้อสะโพกหมูและตับหมูที่หมักไว้มาล้างน้ำเปล่าให้สะอาดใส่กะละมังมีเนียมพักไว้นำหม้อน้ำตั้งบนเตาเปิดไฟกลาง รอจนน้ำเดือด เมื่อเดือดได้ที่จึงนำมาเทในกะละมังที่มีเนื้อสะโพกหมูและตับหมูเพื่อลวกโดยใช้ทัพพีคนกลับไปกลับมา จนเนื้อสะโพกหมูและตับหมูสุก จึงตักใส่ชามพักไว้ วิธีนี้จะทำให้สะโพกหมูและตับหมูนิ่มเด้งเวลาที่นำไปแกง จะอร่อยมากค่ะขั้นตอนและวิธีการปรุงเปิดไฟอ่อน ๆ นำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืช ตามลงไปด้วยพริกแกง ผัดให้สีพริกแกงออกมา เติมน้ำเล็กน้อยพอขลุกขลิก เพื่อไม่ให้พริกแกงไหม้ ผัดให้หอมจนพริกแกงเป็นสีแดง จากนั้นเติมหัวกระทิลงไปผัดอีกครั้ง และใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้หมูและพริกแกงเข้ากันดี ผัดหมูไม่ต้องสุกนะคะ เติมหางกะทิลงไป เติมน้ำเปล่าเปิดไฟกลาง พอน้ำแกงเดือด ปรุงรสชาติด้วย น้ำปลา , น้ำตาล , รสดี , เกลือป่น , ผงชูรส ลองชิมรสดูว่าได้รสชาติตามที่ต้องการหรือยัง เมื่อได้รสชาติตามที่ต้องการแล้ว ใส่มะเขือเปาะ , ถั่วฝักยาว รอจนมะเขือเริ่มสุก โดยเช็คเนื้อมะเขือจากการใช้ทัพพีลองตักมาดู ใช้ช้อนตัดลงบนมะเขือ ถ้าเนื้อมะเขือขาด ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ไม่ควรปล่อยให้มะเขือสุกเกินจนเป็นสีเทา เพราะมะเขือจะเละค่ะ.ทุกคน หลังจากมะเขือสุก ตามด้วยใบโหระพา และพริกชี้ฟ้า ใช้ทัพพีคนให้โดนความร้อนจนสุก จึงปิดไฟ โรยด้วยพริกไทยป่นเล็กน้อย ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยค่ะ เวลาทานจะได้ความหอมของพริกแกงสด รสชาติที่ดุเด็ด เผ็ดจัดจ้าน ร้อนแรง ของพริกไทย และ ดีปลี ซึ่งถ้าใครชอบทานรสชาติแบบนี้ รับรองเลยว่า เด็ดแน่นอนค่ะ แหล่งที่มาของภาพ โดย ผู้เขียน บุ้งแก้ว ตัวกลมห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป