ประสบการณ์ครั้งแรกของผู้เขียนที่ได้รู้จักบ๊ะจ่างคือที่ตลาดเช้าในจังหวัดกระบี่ วันนั้นจำได้ว่า ผู้เขียนไปเดินตลาดเพื่อจับจ่ายซื้อของมาเพื่อเตรียมทำอาหาร แต่บังเอิญได้กลิ่นหอมของใบไผ่และไส้เค็มด้านในของบะ๊จ่าง และคิดว่าซื้อมารับประทานกับกาแฟยามเช้าเพื่อรองท้องก่อนดีกว่า จึงได้ซื้อบ๊ะจ่างมาสองสามห่อแล้วเอากลับบ้านและลองชิมดู กัดคำแรกก็ประทับใจกับข้าวเหนียวที่สุกพอดีคำ ไส้ก็อร่อยถูกใจ สิ่งแรกที่ทำให้ผู้เขียนชื่นชอบบ๊ะจ่างคือรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ข้าวเหนียวก็เหนียวนุ่ม ส่วนไส้ก็มีรสชาติอร่อยและมีกลิ่นหอม ผู้เขียนลองรับประทานบ๊ะจ่างทั้งแบบหวานและแบบเค็ม และทั้งสองอย่างก็อร่อยไม่แพ้กัน บ๊ะจ่างแบบหวานมีไส้ถั่วแดง ส่วนแบบเต็มมีไส้หมูสามชั้นและเห็ด รสชาติมีความสมดุลและเข้ากันได้อย่างลงตัว เมื่อผู้เขียนกัดบ๊ะจ่างคำแรก ก็รู้สึกประทับใจกับการผสมผสานของรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ข้าวเหนียวก็เหนียวนุ่ม ส่วนหมูสามชั้นก็แซ่บและนุ่มเช่นกัน ถั่วช่วยเพิ่มความหวานเล็กน้อยให้กับบ๊ะจ่าง และใบไผ่ให้กลิ่นหอมที่แตกต่าง ผู้เขียนรู้สึกประทับใจกับทักษะของผู้ที่สามารถห่อบ๊ะจ่างได้อย่างประณีต เพราะเป็นทักษะที่ต้องได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและจำเป็นต้องได้รับการสืบทอดมาจากครอบครัวประสบการณ์ของผู้เขียนกับการรับประทานบ๊ะจ่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะรู้สึกประทับใจในการผสมผสานรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และทักษะที่น่าทึ่งในการห่อข้าวเหนียวด้วยใบไผ่อย่างประณีต ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานและความสำคัญทางวัฒนธรรมจีนของบ๊ะจ่างโดยได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติและความกตัญญูของชาวจีน สำหรับในประเทศไทยซึ่งมีลูกหลานชาวจีนมากมายจึงทำให้บ๊ะจ่างมีจำหน่ายตลอดทั้งปี ทั้งนี้เพราะในประเทศไทยไม่มีการแข่งเรือมังกร สำหรับผู้อ่านท่านใดที่ต้องการรับประทานบ๊ะจ่างสามารถไปหาซื้อในตลาดเช้าในท้องถิ่นของตนเอง แน่นอนว่ามีจำหน่าย แต่มีข้อสังเกตที่ว่า บ๊ะจ่างของแต่ละท้องถิ่นอาจจะมีรสชาติที่แตกต่างกันบ้างตามวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นไส้ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียนหิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !