"ผักเสี้ยว" หรือ เสี้ยวดอกแดง เสี้ยวหวาน มีรูปทรงใบเหมือนปีกผีเสื้อ เป็นต้นไม้ขนาดเล็กที่ปลูกอยู่ริมรั้วกันเกือบทุกบ้านทางภาคเหนือ โดยนิยมนำยอดอ่อนมาแกงใส่ปลาแห้ง ปลาย่าง อาจจะเป็นกุ้งแห้งก็ได้ตามที่เราชอบ หรือจะนำยอดอ่อนผักเสี้ยวมาลวกจิ้มน้ำพริกก็ได้ เพราะมีรสหวาน ยังเป็นอาหารบำรุงร่างกายได้อีกด้วย ผักเสี้ยวยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรรักษาอาการต่าง ๆ ได้เช่น รากแก้ขับลม ขับพิษไข้ เปลือกแก้ท้องบิด ท้องร่วง ใบรักษาอาการไอ ใช้พอกฝีพอกแผล ดอกผสมกับสมุนไพรอื่น ๆ ใช้แก้ไข้ เป็นยาระบาย ทุกส่วนมีรสเฝื่อน หลังจากที่ไม่ได้กินมานานเพราะไปอยู่จังหวัดอื่น ซึ่งหายอดผักเสี้ยวยากมากแต่ที่บ้านปลูกไว้ย่าก็เลยลงมือเก็บยอดผักเสี้ยวจากต้นมาช่วยกันทำแกงผัดเสี้ยว วันนี้เลยจะมาสอนทำ "แกงผักเสี้ยว" ง่าย ๆ ทำแค่พอทานถ้วยเดียวก็พอส่วนผสม- ยอดอ่อนผักเสี้ยว 1 ถ้วย ( ใส่เพิ่มได้ตามชอบ)- มะเขือเทศ 3 ลูก- พริกแห้ง 5 เม็ด- หอมแดง 1 ลูก- กะปิ ครึ่งช้อนแกง- เกลือป่น นิดหน่อย- กุ้งแห้ง 5 ช้อนแกง (แช่น้ำร้อนสัก5นาทีเพื่อจะได้โขลกง่าย ๆ )- ผงชูรส ตามชอบ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) วิธีทำ1. นำผักเสี้ยวมาเลือกที่เป็นใบแก่ทิ้งเอาแต่ยอดอ่อน ๆ ล้างน้ำให้สะอาด พักไว้2. โขลกพริกแห้ง หอมแดง กะปิ เกลือนิดหน่อย(เพื่อความง่ายในการโขลก) โขลกให้เข้ากันจนละเอียด พอละเอียดดีแล้วใส่กุ้งแห้งลงไป (ใครไม่ชอบกุ้งแห้งจะใส่ปลาย่างก็ได้เอาแต่เนื้อ) โขลกจนกุ้งแห้งละเอียดดี ก็จะได้พริกแกงเตรียมไว้3. นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด (ใส่น้ำให้พอดีกับยอดผักเสี้ยว ใส่มากไปจะไม่อร่อย) พอเดือดแล้วใส่พริกแกงที่โขลกไว้ลงไปคนให้เข้ากัน ตั้งไฟต่อจนเดือด แล้วใส่มะเขือเทศลงไปต้มจนมะเขือเทศสุก (เราลืมใส่มะเขือเทศ) ชิมรสชาติก่อนที่จะปรุงรสเพิ่ม ถ้าไม่เค็มเติมน้ำปลาตามชอบ แต่กุ้งแห้งจะมีรสชาติเค็มอยู่แล้วเราเลยไม่ใส่น้ำปลา 4. พอแกงเดือดแล้วใส่ยอดผักเสี้ยวลงไป พอพักสุกปิดไฟทันที (ผักเสี้ยวนำมาแกงเป็นยอดอ่อนที่สุกง่ายไม่ควรแกงนาน) เป็นอันเสร็จ ควรทานตอนร้อน ๆ พร้อมข้าวสวย แกงผักเสี้ยวยังนิยมแกงรวมกับชะอม ผักเชียงดา ผักหวานอีกด้วย และที่สำคัญอย่าทำเยอะให้ทำแค่พอกินก็พอเพราะถ้าเหลือแล้วนำมาอุ่นกินต่อจะไม่อร่อยเลย เราไม่รู้ว่าสูตรนี้จะถูกปากทุกคนไหมแต่มันเป็นสูตรการทำง่าย ๆ ที่ไม่ยุ่งยาก ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Google ภาพประกอบโดยนักเขียนอัปเดตเมนูอาหารสุดแสนน่ากินอีกมากมายไปกับเรา โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !