วันนี้ตื่นมารู้สึกปวดหัว และง่วงเหงาเซาซึมเหมือนคนนอนไม่อิ่ม ทั้งอากาศที่ร้อนระอุของช่วงต้นเดือนมีนาคมที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้ความรู้สึกยิ่งเหมือนคนจะเป็นไข้เข้าไปทุกที จนเวลาตกสายแอบเอนหลังไปสักหน่อยก็ยังไม่รู้สึกว่าดีขึ้น คนที่บ้านเห็นท่าจะไม่ดี อาจจะมีความเกรี้ยวกราดเกิดขึ้น เขาเลยชวนออกไปขี่รถเล่น รับลมร้อนเย็น ๆ ดูวิวข้างทางอาจจะพอทำให้กระชุ่มกระชวยหายเบื่อได้ เราขับรถเลาะเลียบแถบอำเภอชุมแพ กำลังลังเลว่าจะไปนั่งชิลร้านไหนสักแห่ง หลายร้านในเขตอำเภอชุมแพ เริ่มมีลูกค้าค่อนข้างหนาแน่น โดยเฉพาะร้านที่อยู่ริมถนน สามารถดินทางได้สะดวก เราเลยใช้บริการกูเกิ้ลในการค้นหาว่าร้านใดน่าสนใจ แล้วก็ปรากฎชื่อร้านหนึ่งที่มีชื่อว่า "ชุมแพ กาแฟชมศิลป์" แอบกดเข้าไปดูในเพจของร้านก็พบว่า ร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่น่าสนใจร้านหนึ่ง ค้นหาข้อมูลการเดินทางเรียบร้อยแล้วก็เดินทางไปที่ร้าน ร้านกาแฟ “ชุมแพ กาแฟชมศิลป์” อยู่ ต.โนนสะอาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เราขับรถจากถนนมลิวรรณ เลี้ยวซ้ายข้างโรงเรียนบ้านโนนหันวิทยา ซึ่งจริง ๆ การไปร้านไปได้หลายทาง แต่เราเลือกไปทางนี้ ขับไปเรื่อย ๆ เหมือนขับรถไปนา...ในใจก็คิดว่า หลงมั้ยว้า กูเกิ้ลจะหลอกมั้ยว้า แต่ก็มีป้ายบอกทางเป็นระยะ ๆ พอให้ใจชื้น จนกระทั่งแอปพลิเคชั่นได้มาหยุด อยู่รั้วของสวนแห่งหนึ่ง มีป้ายเล็ก ๆ ของทางร้านปักอยู่ ขับเข้าไปตอนแรกเหมือนไปวัดป่าเลยแห่ะๆ แต่ก็เริ่มจะดีขึ้นตอนเห็นป้ายที่จอดรถ และพอเข้าไปข้างใน ก็ต้องร้องว้าว วว เพราะร้านตกแต่งได้น่ารัก เรียบง่าย แต่มีความเก๋อยู่ในทุกมุมของร้านเลยทีเดียว เราเลี้ยวเข้าไปที่ลานจอดรถ ตั้งใจจะจอดตรงที่ร่มที่สุด แต่ดันไปเห็นป้าย “ระวังมะตูมหล่นใส่รถ” .... อ้าว แบบนี้ก็อดกันหน่ะสิ คนขับบ่นพึมพัมแล้วก็เลื่อนไปจอดที่อื่น ร้านแต่งน่ารักขนาดนี้ อดใจไม่ไหวที่จะคว้าเจ้ากล้องคู่ใจ ออกมาเดินกดชัตเตอร์เก็บมุมสวย ๆ น่ารักมาฝากเพื่อน ๆ เผื่อใครชอบถ่ายรูปและมีนางแบบไปด้วยคงสนุกมาก เพราะร้านมีมุมให้ถ่ายรูปมากมายเหลือเกิน เราเดินยังไม่ถึงที่เคาน์เตอร์เผอิญเหลือบไปเห็นเต๊นท์สีขาวขนาดใหญ่ 2 เต๊นท์ ตั้งเด่นเป็นสง่า หันหน้าไปทางทุ่งนา ซึ่งตอนนี้ได้ลงปอเทืองเอาไว้หลายไร่พอสมควร เก็บภาพแล้วก็เดินมาถามไถ่ สอบถามอาหารและเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์น่ารัก ๆ ในร้าน น้องผู้ชายท่าทางจะเป็นเจ้าของร้านออกมาให้บริการ แนะนำอาหารและเครื่องดื่ม เราก็เลือก ๆ จดรายการแบบงง ๆ ตามสไตล์คนสายตายาว ไม่รู้จะอธิบายยังไงนะ ...แต่ก็สั่งสำเร็จก็แล้วกัน ... สั่งอาหารเสร็จแล้ว ก็ทราบว่าว่าเต๊นท์ที่มีนั้นไม่มีไว้ประดับร้านเก๋ ๆ เด้อ ลูกค้าสามารถมาพักได้ ด้านในมีตู้เย็น ทีวี บริการ ราคาค่าบริการห้องละ 800 บาท สำหรับวันธรรมดา และ 950 สำหรับวันหยุด และเป็นราคารวมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราอยากกินกาแฟดำใส่น้ำผึ้งมะนาว เพราะไม่อยากกินกาแฟโดด ๆ และไม่อยากกินอะไรที่หวาน เจ้าของร้านก็บอกว่าไม่เคยชงนะครับ แต่จะชงให้ ส่วนคนขับขอแดงมะนาวโซดาเปรี้ยวจี๊ด ส่วนอาหารเราสั่งเป็นอาหารจานเดียว และเฟรนฟรายมากินเล่นเป็นกับแกล้ม เดินถ่ายรูปรอบร้านจนเมื่อยและไหม้ ก็เลยเดินกลับมาหลบร้อนใต้ต้นไม้ใหญ่ ถึงที่ร้านนี้จะไม่มีแอร์ และอาหารจะใช้เวลาในการปรุงพอสมควรแต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะพอมานั่งเล่นได้สักพักทางร้านก็เปิดน้ำรดให้กับต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมบริเวณ ทำให้อากาศเย็นแบบฉ่ำ ๆ สบายตัว พร้อมกับเพลงเบา ๆ ที่เดินไปไหนก็ได้ยินทั้งร้าน นั่งจิบกาแฟรออาหาร ก็มีลูกค้าเดินมาถามที่เคาน์เตอร์ ป้าก็หูยาวได้ยินเขาถามที่ร้านว่านั่งนาน ๆ ได้มั้ยคะ เจ้าของร้านก็น่ารัก บอกว่านั่งเล่นนอนเล่นตามสบายเลยครับ ... อืมม์ บรรยากาศมันน่านอนจริง ๆ ค่ะ กินอิ่มแล้ว กาแฟก็จิบแล้ว ตอนนี้หูตาก็สว่าง และพึ่งตระหนักว่า ที่ปวดหัวมัวซัวซึมเซาในตอนเช้าก็เพราะร่างกายขาดคาเฟอีนนั่นเอง พอได้จิบสักหน่อยก็สดชื่นคาตา มีเรี่ยวแรงเดินเหิน ถ่ายรูป และพูดคุยกับผู้คนได้ หลังจากที่เราพักผ่อนอยู่ที่ร้านนานพอสมควร ก็ได้สังเกตุด้วยว่ามีลูกค้ามาใช้บริการเนือง ๆ แต่ไม่หนาแน่นจนรู้สึกวุ่นวาย จึงนับไดว่า ชุมแพกาแฟชมศิลป์แห่งนี้ แม้จะอยู่ในเขตชุมชนที่ค่อนข้างห่างเมือง แต่ก็เป็นสถานที่ที่เราสามารถชมงานศิลปะของเจ้าของร้าน กินข้าว จิบกาแฟ นอนคุยกันเบา ๆ พอให้คลายเครียด และชาร์ทแบตเตอรีในการไปทำงานในวันใหม่ของสัปดาห์ได้ ใครที่ผ่านไปเส้นชุมแพ – เลย –น้ำหนาว สามารถแวะได้ค่ะ การเดินทางสะดวกมาก ไปไม่ถูกสามารถเข้าไปที่เพจของทางร้านเพื่อสอบถามเส้นทาง หรือติดต่อจองที่พักได้ที่หมายเลข 092 909 4599 เรื่องและภาพ โดยผู้เขียน