วิธีเลือกผักบุ้งจีน แบบไหนสดใหม่ น่าซื้อ มาทำอาหาร | บทความโดย Pchalisa ผัดผักใส่น้ำมันหอย กระเทียมและพริกสดอีกนิดหน่อยเป็นเมนูที่ผู้เขียนชอบทำค่ะ ซึ่งผักบุ้งจีนมักได้ออกงานบ่อยกว่าเพื่อน เพราะผัดแล้วเด็กก็ทาน รสชาติอร่อยง่ายๆ และทำได้ไม่ยาก พอเป็นแบบนี้การเลือกซื้อผักบุ้งจีนมีโอกาสได้ทำบ่อยเหมือนกันค่ะ เพราะนอกจากจะนำมาทำเมนูผัดแล้ว ผักบุ้งจีนในบางวันก็นำมาเป็นผักตอนทานหมูกระทะค่ะ และหลายคนยังไม่รู้ว่า ผักบุ้งจีนสดใหม่และน่าซื้อยังต้องเลือก เพราะถ้าไม่เลือกก็อาจจะได้ผักบุ้งคุณภาพไม่ดีมาบ้านนะคะ ยิ่งถ้าเป็นพ่อบ้านไปตลาด ยิ่งต้องรู้เคล็ดลับในการเลือกเลยค่ะ โดยในบทความนี้เราจะมารู้เคล็ดลับที่ว่านั้นกันค่ะ ว่าทำต้องดูอะไร ส่วนไหนของผักบุ้งจีน หากอยากได้ผักบุ้งจีนคุณภาพดีมาทำอาหารเหมือนมืออาชีพ ที่อ่านจบแล้วรับรองว่านำไปใช้ได้เลยค่ะ ที่แม่ค้าเองก็อาจจะต้องทึ่งไปเลยทีเดียว ส่วนจะมีเทคนิคอะไรดีๆ บ้างนั้น งั้นอ่านต่อกันเลยจ้า 1. สังเกตยอดอ่อน ยอดอ่อน ของผักบุ้งจีนนั้นเปรียบเสมือน "หัวใจ" ของความอร่อยและความสดใหม่เลยล่ะค่ะ เมื่อเราเลือกซื้อผักบุ้งจีน สิ่งแรกที่ควรสังเกตคือยอดอ่อน เนื่องจากยอดอ่อนที่สดใหม่จะมีสีเขียวเข้มสดใส ไม่เหลือง ไม่ซีดและไม่มีรอยช้ำ ซึ่งบ่งบอกถึงความสดของผักบุ้งจีนโดยรวม ยอดอ่อนจะมีรสชาติหวานกรอบ อ่อนนุ่มกว่าส่วนอื่นๆ ของลำต้น ทำให้เมนูอาหารมีความอร่อยมากขึ้น ซึ่งวิธีสังเกตยอดอ่อนที่ดีให้ทำตามนี้ค่ะ สีสัน: ยอดอ่อนที่ดีจะมีสีเขียวสดใส ไม่ซีด ไม่เหลือง ความอ่อนนุ่ม: สัมผัสดูจะรู้สึกถึงความอ่อนนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง ไม่มีรอยช้ำ: ยอดอ่อนไม่ควรมีรอยช้ำหรือรอยด่าง ปลายยอดเรียวแหลม: ยอดอ่อนที่ดีจะมีปลายยอดเรียวแหลม ไม่บานออก 2. ดูสีของใบ สีเขียวเข้มสดใส ของใบผักบุ้งจีนเป็นตัวบ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของผักชนิดนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ มาดูกันว่าทำไมสีของใบถึงสำคัญ และจะสังเกตอย่างไรให้ได้ผักบุ้งที่ดีที่สุด สีเขียวในพืชมาจากสารสีที่เรียกว่า “คลอโรฟิลล์” ซึ่งเป็นสารสำคัญในการสังเคราะห์แสง เมื่อผักบุ้งจีนยังสดใหม่ คลอโรฟิลล์จะมีปริมาณมาก ทำให้ใบมีสีเขียวเข้มสดใส เมื่อผักบุ้งจีนเริ่มเหี่ยวเฉาหรือเน่าเสีย คลอโรฟิลล์จะเริ่มสลายตัว ทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ซีด หรือมีรอยช้ำ อุณหภูมิที่สูงเกินไปจะเร่งให้คลอโรฟิลล์สลายตัวเร็วขึ้น การโดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานก็ทำให้ใบผักบุ้งจีนเปลี่ยนสีได้ การเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม เช่น การเก็บในที่ชื้นหรืออับชื้น ก็ทำให้ใบผักบุ้งจีนเน่าเสียและเปลี่ยนสีได้ และวิธีสังเกตสีของใบผักบุ้งจีน ได้แก่ สีเขียวเข้ม: ใบผักบุ้งจีนที่ดีจะมีสีเขียวเข้มสดใสทั่วทั้งใบ ไม่มีสีเหลือง: ใบไม่ควรมีส่วนที่เหลืองหรือซีด ไม่มีรอยช้ำ: ใบไม่ควรมีรอยช้ำหรือรอยด่าง เปรียบเทียบ: ลองเปรียบเทียบสีของใบผักบุ้งจีนแต่ละกำ เพื่อเลือกกำที่มีสีเขียวเข้มที่สุดค่ะ 3. สัมผัสใบ สัมผัสเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญในการเลือกผักบุ้งจีนที่สดใหม่ค่ะ การที่ใบผักบุ้งจีนมีความกรอบและรู้สึกสดชื่นเมื่อสัมผัส หมายความว่าผักบุ้งยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ภายใน และเซลล์ของใบยังคงแข็งแรง ใบผักบุ้งจีนที่สดใหม่จะมีความกรอบ เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกถึงความแข็งแรงของใบ ใบที่กรอบแสดงว่าผักบุ้งยังคงมีน้ำหนักและไม่เหี่ยวเฉา ใบที่กรอบมักจะมีรสชาติที่หวานกรอบอร่อยกว่าใบที่เหี่ยวเฉา โดยวิธีสังเกตความกรอบของใบผักบุ้งจีน สัมผัสเบาๆ: ใช้ปลายนิ้วสัมผัสใบเบาๆ เพื่อดูความแข็งแรงของใบ เปรียบเทียบ: ลองเปรียบเทียบความกรอบของใบผักบุ้งจีนแต่ละกอง เพื่อเลือกกองที่มีใบกรอบที่สุด งอใบเบาๆ: ลองงอใบเบาๆ ดูว่าใบกลับมาตั้งตรงได้หรือไม่ ถ้าใบกลับมาตั้งตรงได้แสดงว่าใบยังคงมีความแข็งแรง 4. สังเกตขนาด ขนาดของผักบุ้งจีน นั้นมีผลต่อรสชาติและคุณภาพของผักได้จริงค่ะ โดยทั่วไปแล้ว ผักบุ้งจีนที่มีขนาดกลางมักจะให้รสชาติที่ดีที่สุด เนื่องจากผักบุ้งจีนขนาดกลางมักจะมีอายุที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยว ทำให้ได้รสชาติที่หวานและกรอบ ในขณะที่ผักบุ้งจีนอ่อนเกินไป อาจจะมีรสจืด ไม่ค่อยมีรสชาติที่โดดเด่น และผักบุ้งจีนแก่เกินไป อาจจะมีรสขม เส้นใยแข็งและไม่น่ารับประทาน และวิธีเลือกผักบุ้งจีนขนาดกลาง สังเกตความยาวของลำต้น: ผักบุ้งจีนขนาดกลางจะมีความยาวของลำต้นที่พอเหมาะ ไม่สั้นเกินไปหรือยาวเกินไป สังเกตขนาดของใบ: ใบของผักบุ้งจีนควรมีขนาดที่พอเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป สัมผัสความแข็งแรงของลำต้น: ลำต้นของผักบุ้งจีนควรมีความแข็งแรง ไม่นิ่มหรือเหี่ยวเฉา 5. หลีกเลี่ยงผักบุ้งจีนที่มีน้ำค้างเกาะ การมีน้ำค้างเกาะบนผักบุ้งจีนนั้น อาจไม่ใช่แค่เรื่องของความชื้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนว่าผักบุ้งอาจเริ่มเสื่อมคุณภาพ หรือมีปัญหาบางอย่างได้ น้ำค้างที่เกาะบนผักบุ้งแสดงว่ามีสภาพแวดล้อมที่ชื้นสูง ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย เชื้อราและแบคทีเรียเหล่านี้จะค่อยๆ ทำให้ผักบุ้งเน่าเสียจากภายใน โดยเริ่มจากบริเวณที่สัมผัสกับน้ำค้างก่อน เมื่อผักบุ้งเริ่มเน่าเสีย สารอาหารต่างๆ ก็จะถูกทำลายไป ทำให้คุณค่าทางอาหารลดลง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้น้ำค้างเกาะบนผักบุ้งจีน เช่น ความชื้นสูง: หากเก็บผักบุ้งในที่ชื้น หรือบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ระบายอากาศ จะทำให้น้ำค้างเกาะได้ง่าย อุณหภูมิต่ำ: ในช่วงกลางคืน อุณหภูมิที่ลดลงอาจทำให้น้ำควบแน่นบนผักบุ้ง ผักบุ้งเปียก: หากผักบุ้งยังเปียกน้ำจากการเก็บเกี่ยว เมื่อนำมาเก็บรักษา น้ำจะระเหยและควบแน่นเป็นน้ำค้าง สภาพอากาศ: หากระหว่างการขนส่งมีอุณหภูมิและความชื้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้น้ำค้างเกาะบนผักบุ้ง 6. ดูลำต้น ลำต้นของผักบุ้งจีนเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญในการพิจารณาความสดใหม่และคุณภาพของผักบุ้งค่ะ ลำต้นที่แข็งแรงและสมบูรณ์จะบ่งบอกว่าผักบุ้งได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และยังคงความสดใหม่ได้นาน ลำต้นทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและสารอาหารไปยังส่วนต่างๆ ของพืช หากลำต้นแข็งแรง แสดงว่าผักบุ้งได้รับน้ำและสารอาหารเพียงพอ ทำให้ใบมีสีเขียวสดใสและมีรสชาติที่ดี ลำต้นที่แข็งแรงจะช่วยให้ผักบุ้งตั้งตรงได้ดี ไม่หักง่าย และสามารถทนต่อการขนส่งได้ดี ลำต้นที่เหี่ยวเฉาหรือมีรอยช้ำ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าผักบุ้งอาจจะเก็บไว้นานเกินไป หรือได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง ให้สังเกตลำต้นผักบุ้งจีนที่ดีค่ะ ซึ่งมีลักษณะดังนี้ ความแข็งแรง: ลำต้นควรมีความแข็งแรง ไม่นิ่ม หรือยวบ เมื่อกดลงไปที่ลำต้น ไม่ควรบุ๋ม สี: ลำต้นควรมีสีเขียวอ่อน หรือสีขาวอมเขียว ไม่เหลืองหรือมีรอยด่าง ผิวสัมผัส: ผิวของลำต้นควรเรียบเนียน ไม่มีรอยขีดข่วน หรือรอยช้ำ ขนาด: ลำต้นควรมีขนาดที่พอเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป 7. ดมกลิ่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของผักบุ้งจีนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความสดใหม่ของผักชนิดนี้ค่ะ เมื่อเราเลือกซื้อผักบุ้งจีน นอกจากจะดูลักษณะภายนอกแล้ว การใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ผักบุ้งจีนที่สดใหม่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นเอกลักษณ์ของผักใบเขียว หากมีกลิ่นผิดปกติ เช่น กลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือกลิ่นเน่า แสดงว่าผักบุ้งอาจจะเริ่มเน่าเสียแล้ว กลิ่นหอมของผักบุ้งจีนบ่งบอกถึงคุณภาพของดินที่ปลูก และปริมาณสารอาหารในผัก หากผักบุ้งมีกลิ่นแปลกๆ อาจเกิดจากการปนเปื้อนของสารเคมี หรือจุลินทรีย์ที่ไม่พึงประสงค์ การเก็บผักบุ้งในที่อับชื้นหรือโดนแสงแดดโดยตรง จะทำให้ผักบุ้งเสียรสชาติและมีกลิ่นเหม็นได้ หากได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือกลิ่นอื่นๆ ที่ผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงการเลือกซื้อค่ะ 8. ตรวจสอบราก การตรวจสอบรากผักบุ้งจีนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะรากเป็นส่วนที่ดูดซับน้ำและสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงส่วนอื่นๆ ของพืช หากรากเสีย ผักบุ้งก็จะไม่สดและคุณภาพไม่ดี รากที่สดใหม่จะช่วยให้ผักบุ้งคงความสดได้นานขึ้น รากที่เน่าเสียอาจส่งผลให้ส่วนอื่นๆ ของผักบุ้งเน่าตามไปด้วย แถมรากที่เน่าเสียนี้อาจมีเชื้อโรคปนเปื้อน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพเมื่อนำไปรับประทานค่ะ และลักษณะของรากผักบุ้งจีนที่สดใหม่จะเป็นไปตามนี้ สี: รากควรมีสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน เนื้อสัมผัส: รากควรแข็งแรง ไม่นิ่ม ไม่ยวบ เมื่อกดลงไปที่ราก ไม่ควรบุ๋ม กลิ่น: รากควรไม่มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นผิดปกติ ไม่มีรอยช้ำ: รากไม่ควรมีรอยช้ำหรือรอยเน่า วิธีตรวจสอบรากผักบุ้งจีน มีดังนี้ สังเกตส่วนที่โผล่พ้นดิน: ตรวจสอบส่วนของรากที่โผล่พ้นดินว่ามีสีสันและเนื้อสัมผัสเป็นอย่างไร ดึงรากเบาๆ: ลองดึงรากเบาๆ เพื่อตรวจสอบความแข็งแรง หากรากหลุดออกมาง่ายๆ แสดงว่ารากอาจจะเน่าเสีย 9. เลือกผักบุ้งจีนที่ปลูกแบบปลอดสารพิษ การเลือกซื้อผักบุ้งจีนที่ปลูกแบบปลอดสารพิษเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพของทุกคนค่ะ เพราะการรับประทานผักที่ปลอดภัยจากสารเคมีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ การเลือกซื้อผักปลอดสารพิษเป็นการสนับสนุนเกษตรกรที่ใช้เทคนิคการปลูกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผักบุ้งจีนปลอดสารพิษมักจะมีรสชาติที่หวาน กรอบ และอร่อยตามธรรมชาติ ให้สังเกตฉลาก หากมีฉลากระบุว่าเป็นผักปลอดสารพิษหรือผักอินทรีย์ จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นค่ะ 10. ตรวจสอบความสะอาด ความสะอาดของผักบุ้งจีน เป็นสิ่งสำคัญมากก่อนนำไปปรุงอาหาร เพราะอาจมีดิน สิ่งสกปรก หรือสารปนเปื้อนอื่นๆ ติดอยู่ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ การรับประทานผักที่สะอาดจะช่วยป้องกันโรคจากอาหาร ดังนั้นการตรวจสอบความสะอาดของผักบุ้งจีนจึงเป็นขั้นตอนที่ควรให้ความสำคัญ โยให้ตรวจสอบใบและลำต้นว่ามีรอยช้ำ รอยด่างหรือสิ่งสกปรกติดอยู่หรือไม่? ก็จบแล้วค่ะ พอจะมองภาพออกไหมคะ? และไม่ได้ยากจนเกินไปใช่ไหมที่จะอ่านทำความเข้าใจและนำไปใช้ โดยผักบุ้งจีนจากชาวบ้านที่ปลูกเองและนำมาขาย คือตัวเลือกที่ผู้เขียนซื้อบ่อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเป็นผักปลอดสารพิษ ที่มักดูส่วนของใบก่อนที่ต้องมีสีเขียวสดใจและดูมันวาวค่ะ ที่ลำต้นต้องไม่ดูเหี่ยวเฉา ที่บ่อยครั้งผู้เขียนมักจะซื้อผักบุ้งแบบนี้แค่พอดีใช้งาน เพราะการทำแบบนี้ก็ทำให้เรามีโอกาสได้ผักบุ้งจีนสดใหม่ได้เรื่อยๆ จากการที่เราต้องไปซื้อมาใหม่ เนื่องจากในบางครั้งการเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้องก็ทำให้ผักบุ้งจีนของเราคุณภาพลดลงได้ค่ะ ยังไงนั้นหากคุณผู้อ่านกำลังจะไปตลาดและต้องการไปซื้อผักบุ้งจีน ก็อย่าลืมที่จะใช้เคล็ดลับในนี้นะคะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://food.trueid.net/detail/RbJOQagOowp6 https://food.trueid.net/detail/mZ8PdV8eWR0Z https://food.trueid.net/detail/WorLvGzxQLxO เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !