วัยเด็กของทุกคน ล้วนมีหลากหลายเรื่องราวในความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนที่ชอบ ของเล่นสุดโปรด หรือแม้แต่อาหารสุดอร่อย ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปก็ทำให้คิดถึงสิ่งเหล่านั้น ที่โตมากับเราเลยใช่ไหมล่ะคะ และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนอดคิดถึงไม่ได้ และอยากจะมาแบ่งปัน ผ่านบทความบทนี้ นั่นก็คือ รถพ่วงขนมหวาน นั่นเองค่ะ ซึ่งผู้เขียนเชื่อได้เลยว่าเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ต้องรู้จักอย่างแน่นอน รถพ่วงขนมหวานที่ผู้เขียนได้พูดถึงในวันนี้ ก็คือ ขนมหวานที่วางขายทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยขนมไทยชนิดต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขนมชั้น ขนมหม้อแกง ขนมวุ้นใบเตย ขนมทองหยอด และขนมที่น่าทานอีกหลากหลายชนิด ซึ่งบางท่านอาจจะเคยเห็นวางขายในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ผู้เขียนนั้นได้มีโอกาสทานขนมหวาน ขนมไทยต่าง ๆ และได้รู้จักขนมที่แสนอร่อยเหล่านี้ ที่ขายผ่านทางรถพ่วง เมื่อครั้งยังเด็กจนถึงปัจจุบัน ก็ยังทานทุกครั้งที่พบเห็น และอยากที่จะนำมารีวิวในบทความนี้ โดยหวังว่าอยากจะเป็นสื่อกลางบอกต่อเด็กรุ่นใหม่ ให้ได้รู้จักกับขนมไทยมากยิ่งขึ้น และบอกต่อความอร่อยของขนมไทยนั่นเองค่ะ รถพ่วงขนมหวานมีเมนูอะไรบ้าง? แน่นอนว่าเมนูขนมหวานที่ขายตามรถพ่วง หลัก ๆ นัั้นจะถูกจัดวางในถาดที่เป็นลักษาณะสี่เหลี่ยม โดยขนมไทยบางชนิดจะตัดแบ่งเป็นสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก เหมาะสำหรับตักขายชิ้นละ 5 หรือ ชิ้นละ 10 บาท ตามขนาดของขนมนั่นเองค่ะ โดยเมนูที่วางขายหลัก ๆ เลย ที่ผู้เขียนได้รวบรวมมาจะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ^^ ขนมชั้นใบเตย ขนมไทยโบราณที่เป็นที่รู้จักกันดี เดิมทีนั้นจะใช้ในงานพิธีมงคลต่าง ๆ ในบ้านเราและนอกจากจะมีขนมขั้นใบเตยแล้ว ยังมีขนมชั้นอีกหลากสีที่วางขายอีกด้วย ตัวขนมจะมีลักษณะเนื้อที่เหนียวนุ่ม เพราะส่วนผสมหลัก ๆ ที่ทำนั่น ก็คือ การใส่แป้งเข้าไปนั่นเองค่ะ มีความหอมมันของใบเตย ในขณะที่เราทานเข้าไปอีกด้วย ขนมหม้อแกง ขนมไทยอีกชนิดที่ขึ้นชื่อว่ามีรสชาติอร่อยไม่แพ้ขนมไทยชนิดอื่น ๆ ขนมหม้อแกงนั้นเดิมเลยเป็นที่นิยมจากชนชั้นสูงในวัง ในสมัยก่อนจะทำเฉพาะในงานมงคลที่สำคัญนั่นเองค่ะ โดยมีส่วนผสมในการทำหลัก ๆ ก็คือ แป้ง ไข่ และกะทิ เมื่อนำไปอบจะมีสีน้ำตาลออกทองน่ารับประทาน มีรสชาติหอมหวาน ถือเป็นขนมไทยอีกชนิดที่ผู้เขียนชอบทานมาก เมื่อนำมาวางขายในรถพ่วงขนมหวาน ก็จะจัดใส่ถาดและตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเหมือนขนมชั้นนั่นเองค่ะ วุ้นกะทิใบเตย ขนมที่หากใครได้ยินชื่อก็ต้องร้องอ๋อออ...นั่นเองค่ะ โดยขนมวุ้นนั้นมีการทำที่หลากหลายแบบมาก ที่เราเห็นหลัก ๆ ก็จะเป็นวุ้นกะทิใบเตย มีรสชาติที่หอมหวานของตัววุ้นใบเตย ตัดกับรสชาติเค็มของวุ้นกะทิ รับประทานง่าย หากนำไปแช่เย็นก็จะเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้น ซึ่งแล้วแต่คนชอบเลยค่ะ สามารถทำทานเองที่บ้านได้อีกด้วย เพราะมีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ ขนมสังขยาฟักทอง ขนมหวานสุดแสนอร่อยที่ไม่ควรพลาด โดยที่ผู้เขียนนำมาเสนอในวันนี้จะเป็นสังขยาฟังทองแบบถาด ซึ่งในไทยเป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลจากโปรตุเกส เมื่อรับประทานแล้วจะรู้สึกถึงความหอมหวานของสังขยา และความมันกลมกล่อมของตัวเส้นฟักทองที่ใส่เป็นชิ้นฝอย ๆ ลงไป ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ เหมือนเรากินขนมสังขยาและข้าวเหนียวห่อใบตอง แต่ตัวสังขยาแบบถาดนี้ จะมีความแน่นฟูมากกว่านั่นเองค่ะ บอกเลยว่าอร่อยมาก ๆ ขนมสาคูไส้ถั่ว ขนมเม็ดจิ๋วสุดแสนน่ารัก แต่อัดแน่นไปด้วยความอร่อยของตัวแป้งที่เหนียวนุ่ม หนึบหนับ และความมันของตัวถั่วที่นำมาผัด และทำเป็นไส้ รสชาติกลมกล่อมออกแนวหวาน ๆ เค็ม ๆ เล็กน้อย โรยหน้าด้วยพริกขี้หนูสวน และกระเทียมเจียว โดยปัจจุบันจะแบ่งขายเพียงชิ้นละ 1 บาทเท่านั้นค่ะ ถือว่าเป็นหนึ่งในเมนูของรถพ่วงขนมหวานที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ ขนมทองหยอด ขนมไทยโบราณอีกชนิดที่น่ารับประทาน หากใครที่เคยชมละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้นำขนมแสนอร่อยนี้เข้ามาในสมัยอยุธยา คือ นาง มารี นินยา เดอ กีย์มาร์ หรือท้าวทองกลีบม้า โดยส่วนผสมหลัก ๆ จะประกอบไปด้วยไข่ไก่ แป้งทองหยอด น้ำเชื่อม และส่วนผสมอื่น ๆ มีรสชาติที่หอมหวานมากเมื่อรับประทาน ซึ่งถือเป็นขนมชั้นดีในงานมงคลต่าง ๆ เลยค่ะ ขนมเม็ดขนุน ขนมไทยตระกูลทองที่มีความหมายเป็นสิริมงคล ซึ่งหมายถึงการสนับสนุน หนุนเนื่อง ในความก้าวหน้าในสิ่งต่าง ๆ โดยสมัยก่อนมักจะนำไปเลี้ยงพระ หรือแขก สำหรับขนมเม็ดขนุนนี้จะทำจากถั่วเขียวซีก หรือถั่วทองนึ่งแล้วนำมาบดละเอียด เสร็จแล้วนำไปกวนแล้วปั้น มีรสชาติหวานมัน สีของตัวขนมจะมีสีที่เหลืองทองน่ารับประทาน สาเหตุที่เขาเรียกว่าขนมเม็ดขนุนนั้น เป็นเพราะตัวขนมมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนเม็ดขนุนนั่นเองค่ะ ถือเป็นขนมไทยโบราณยอดนิยมจริง ๆ ขนมต้มใบเตย เป็นเมนูใหม่ที่ผู้เขียนได้ลองรับประทาน เนื่องจากเดิมทีรถพ่วงขนมหวานที่ผู้เขียนทานประจำนั้น เพิ่งนำมาขาย ส่วนผสมหลัก ๆ จะทำจากแป้งข้าวเหนียว น้ำกะทิ น้ำใบเตย และส่วนผสมอื่น ๆ จะมีการทำไส้โดยมีส่วนผสมของมะพร้าว มีการนำแป้งมาห่อขนมต้มที่ปั้นไว้ และปั้นเป็นลูกกลม ๆ จากนั้นก็นำไปต้มในน้ำที่เดือดจัด เมื่อสุกจะนำมาคลุกกับตัวมะพร้าวที่ขูดไว้ ซึ่งเป็นขนมที่ผู้เขียนได้ลองทานแล้วรู้สึกชอบไม่แพ้ขนมไทยตัวอื่น ๆ เลยทีเดียว ตัวรสชาติของขนมนั้นกลมกล่อมด้วยตัวแป้งที่เหนียวนุ่ม และไส้ที่หวานเค็ม รวมไปถึงความหวานของตัวมะพร้าวขูด ซึ่งอร่อยมาก ๆ เลยค่ะ ขนมเอแคลร์ ตบท้ายด้วยขนมชิ้นสุดท้ายด้วยขนมเอแคลร์ ที่มีต้นตำรับจากประเทศฝรั่งเศส มีรสชาติที่หวานของตัวไส้ครีม และความนุ่มฟูของตัวแป้งที่นำไปอบ ซึ่งเราสามารถรับประทานได้เรื่อย ๆ แบบไม่มีเบื่อกันเลยค่ะ ซึ่งถ้าหากซื้อกับรถพ่วงขนมหวานก็จะขายเป็นชิ้น ชิ้นละ 1 บาทนั่นเองค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับการ รีวิว ขนมหวานรถพ่วงสุดอร่อย จากวัยเด็กสู่วัยทำงาน ซึ่งผู้เขียนได้ลองทานแต่เด็ก ๆ จนถึงตอนโตก็ยังรู้สึกติดใจกับรสชาติของขนมแต่ละชนิด ที่มีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งขนมที่นำรีวิวในวันนี้ถือเป็นซิกเนอเจอร์ของขนมหวานที่น่าลิ้มลอง และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน นอกจากจะมีรสชาติที่หอมหวานและอร่อยแล้ว ยังมีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราอีกด้วย หากใครที่ยังไม่เคยทานแล้วแวะผ่านมาเห็นบทความนี้ ผู้เขียนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นบทความที่เป็นประโยชน์ และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ขนมไทยของเราให้สืบต่อไป บอกต่อสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน ถึงขนมหวานสุดแสนอร่อยที่ทำโดยฝีมือคนไทยเอง... ภาพประกอบโดยผู้เขียน เรียบเรียงบทความโดย Noojummai