สวัสดีค่ะทุกคน บทความนี้จะขอมารีวิวสาหร่ายเถ้าแก่น้อย รสชีส เป็นสาหร่ายในดวงใจของ royal เอง คือตอนแรกไม่เคยกินสาหร่ายยี่ห้อเถ้าแก่น้อยมากก่อนเลย แต่เคยเห็นโฆษณาในทีวีอยู่ แล้วตอนที่ royal อยู่ช่วงมัธยมมีภาพยนตร์เรื่อง ท็อป ซีเคร็ต วัยรุ่นพันล้าน เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า-ชีวประวัติ เนื้อเรื่องได้แรงบันดาลใจจากชีวิตของคุณอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ หรือเจ้าของธุรกิจขนมสาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อยนั่นเอง พอได้ดูก็รู้สึกมีแรงผลักดันมาก หนังเขาถ่ายทอดออกมาดีนะ ความพยามยามจะนำไปสู่ความสำเร็จ จำได้ว่าออกจากโรงหนังมาเข้าเซเว่นไปซื้อสาหร่ายเถ้าแก่น้อยมากินเลย 555 สาหร่ายเถ้าแก่น้อย มาเริ่มพูดถึงตัว Product กันก่อนเลย (ถ่ายภาพโดย : Royal Bread) ในตัวที่ royal ชื่นชอบเป็นพิเศษคือตัว เถ้าแก่น้อย สาหร่ายทอดแผ่นรสชีส ตัวนี้มีน้ำหนักสุทธิอยู่ที่ 3.5 กรัม คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ซอง พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่ น้ำตาล 0 กรัม ไขมัน 2.5 กรัม โซเดียม 5 มิลลิกรัม สามารถเก็บได้นานถึง 1 ปี 6 เดือน เมื่อเปิดซองมาหน้าตาของสาหร่ายก็จะเป็นแบบนี้ (ถ่ายภาพโดย : Royal Bread) เป็นสาหร่ายแผ่นใหญ่กว่าฝ่ามือได้ มีสีเขียวเข้มเหมือนสีสาหร่ายที่อยู่หน้าซอง มีผงชีสโรยอยู่ จับแล้วมีความรู้สึกผิวของสาหร่ายมีความหยาบ ขรุขระ ไม่เรียบ จับแล้วรู้สึกถึงความกรอบ (เถ้าแก่น้อยทำออกมาได้ดีจริง ๆ) เมื่อดมจะรู้สึกมีกลิ่นชีสหอม ๆ อยู่ รสชาติของสาหร่ายเถ้าแก่น้อยรสชีสตัวนี้นะคะ กัดคำแรกคือกรอบมาก ได้รสชีส กลิ่นชีส ตามที่หน้าซองได้บอก สาหร่ายค่อนข้างเค็มแต่ไม่มาก เข้ากันกับผงชีสได้ดี กินเปล่า ๆ ก็อร่อย หรือจะกินคู่กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารชนิดอีกก็เข้ากันค่ะ ราคาต่อซองจะตกอยู่ซองล่ะ 6 บาท แต่ royal ซื้อเป็นกล่องที่แมคโครมา กล่องละ 49 บาท ได้ทั้งหมด 12 แผ่น สาหร่ายเถ้าแก่น้อย royal จะชอบเอามากินคู่กับมาม่า เวลาต้มมาม่าทีไหร่ต้องใส่สาหร่ายลงไปด้วยตลอด แต่สาหร่ายเถ้าแก่น้อยสามารถทานคู่กับอาหารอื่น ๆ ได้อีกด้วยนะ แล้วแต่คนชอบเลยว่าจะชอบทานแบบไหน อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยลองกินสาหร่ายเถ้าแก่น้อยลองไปกินกันนะคะ รับรองว่าต้องถูกใจแน่ ๆ เลย หาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไปเลยนะ เถ้าแก่น้อย สาหร่ายทอดแผ่นรสชีส Royalออกเงินซื้อเองนะคะ ไม่ได้ค่าสปอนเซอร์ใด ๆ คือเป็นสาห ร่ายที่ชอบและถูกใจเลยอยากจะมาแนะนำทุก ๆ คน หวังว่าจะถูกใจบทความนี้กันนะคะ ♥ ขอบคุณค่ะ เขียนโดย : Royal Bread ภาพหน้าปกและภาพประกอบบทความโดย : Royal Bread