วิธีเลือกอะโวคาโด ลูกสุกพอดี ดูยังไง น่าซื้อ | บทความโดย Pchalisa อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่สมัยนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น จากที่รสชาติและอร่อยที่หาไม่ได้จากผลไม้ชนิดอื่น ประกอบกับผลไม้ชนิดนี้สามารถนำมาทำเมนูต่างๆ ได้หลากหลาย ซึ่งที่ผู้เขียนเคยลองมานั้น ได้แก่ สมูทตี้อะโวคาโด สลัดผักใส่อะโวคาโด และอะโวคาโดสดทานเป็นผลไม้ค่ะ ก็พบว่าอร่อยมากและชอบค่ะ จึงทำให้พอมีโอกาสไปเจออะโวคาโด ก็มักจะซื้อติดไม้ติดมือมาบ้างตามกำลังและการใช้จริง ที่ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าหลายคนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พอเป็นเช่นนั้นการเลือกอะโวคาโดลูกสุกพอดี ก็เป็นประเด็นที่หลายคนสนใจ จริงไหมคะ? ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนจะมาส่งต่อเคล็ดลับในการเลือกอะโวคาโดว่า ลูกสุกพอดีเป็นแบบไหน? ดูยังไง? ให้คุณผู้อ่านได้นำไปปรับใช้กันค่ะ ซึ่งแนวทางในนี้ชัดเจนและง่ายในการทำความเข้าใจ งั้นอ่านต่อให้จบกันเลยดีกว่า ดังข้อมูลต่อไปนี้ วิธีสังเกตจากภายนอก 1. สีของเปลือก สีเปลือกเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความสุกของอะโวคาโด โดย อะโวคาโดพันธุ์ Hass: พันธุ์นี้เป็นที่นิยมมาก เพราะเมื่อสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงเข้มเกือบดำ ซึ่งสังเกตง่ายมาก แต่ก็มีบางส่วนที่อาจยังเหลือสีเขียวอยู่บ้างเล็กน้อย อะโวคาโดพันธุ์อื่นๆ: พันธุ์อื่นๆ เช่น ฟูเอร์เต้ หรือ เบ็คแมน เมื่อสุกแล้ว สีเปลือกอาจจะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม 2. ความนิ่มของเปลือก ความนิ่มของเปลือกอะโวคาโด ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงระดับความสุกของผลไม้ชนิดนี้ได้ค่ะ แต่หลายคนก็อาจสงสัยว่าจะกดอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และความนิ่มที่ว่านี้ควรเป็นอย่างไรกันแน่นั้น ให้ทำตามนี้ค่ะ บริเวณที่กด: ให้กดเบาๆ ที่บริเวณกลางผลอะโวคาโด หรือบริเวณรอบๆ ขั้วผล แรงที่กด: ใช้แรงกดที่พอเหมาะ ไม่กดแรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้ออะโวคาโดเสียหายได้ ความรู้สึก: เมื่อกดแล้ว ถ้ารู้สึกว่าเปลือกลึกลงไปเล็กน้อย และมีความนิ่มมือเบาๆ แสดงว่าอะโวคาโดสุกกำลังดีค่ะ โดยความนิ่มที่แตกต่างกัน มีความหมายต่างกันตามนี้เลยค่ะ แข็ง: ถ้ากดแล้วรู้สึกแข็ง แสดงว่าอะโวคาโดยังดิบอยู่ อาจต้องรอสักระยะหนึ่ง หรือใช้เทคนิคการบ่มเพื่อเร่งให้สุก นิ่มมาก: ถ้ากดแล้วรู้สึกนิ่มมากจนเกินไป หรือมีรอยบุบ แสดงว่าอะโวคาโดอาจสุกเกินไป เนื้ออาจจะเละ หรือมีรสมัน นิ่มกำลังดี: ความนิ่มที่พอดีจะทำให้ได้อะโวคาโดที่มีเนื้อเนียนนุ่ม รสชาติอร่อย เหมาะสำหรับนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู 3. ขั้วผล ขั้วผลอะโวคาโด นั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยบ่งบอกถึงระดับความสุกของผลได้เป็นอย่างดีค่ะ การสังเกตสีของขั้วผลจะช่วยให้เราเลือกอะโวคาโดที่สุกกำลังดีได้แม่นยำมากขึ้น เนื่องจากเมื่ออะโวคาโดสุกขึ้นมา แก๊สเอทิลีนที่เกิดขึ้นภายในผลจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ซึ่งส่งผลให้สีของขั้วผลเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลค่ะ และสีของขั้วอะโวคาโดสามารถบอกเราได้หลายอย่าง เช่น สีน้ำตาลอ่อน: ขั้วผลที่มีสีน้ำตาลอ่อนๆ มักบ่งบอกว่าอะโวคาโดสุกกำลังดี เนื้อในมีความนิ่มและรสชาติอร่อย สีเขียว: ถ้าขั้วผลยังคงเป็นสีเขียวสดใส แสดงว่าอะโวคาโดยังดิบอยู่ อาจต้องรอสักระยะหนึ่ง หรือใช้เทคนิคการบ่มเพื่อเร่งให้สุก สีน้ำตาลเข้ม หรือ ดำ: ถ้าขั้วผลมีสีน้ำตาลเข้ม หรือดำสนิท แสดงว่าอะโวคาโดอาจสุกเกินไป เนื้อในอาจจะเละ หรือมีรสมัน 4. ประเมินก้าน การสังเกตก้านอะโวคาโด เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราประเมินได้ว่าอะโวคาโดสุกหรือยังค่ะ ที่โดยทั่วไปแล้วก้านอะโวคาโดที่หลุดออกง่ายมักบ่งบอกว่าอะโวคาโดสุกแล้ว เพราะเมื่ออะโวคาโดสุกขึ้นมา แก๊สเอทิลีนที่เกิดขึ้นภายในผลจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณก้านอ่อนตัวลง ทำให้ก้านหลุดออกได้ง่ายขึ้น วิธีสังเกตก้านอะโวคาโด มีดังนี้ บิดเบาๆ: ใช้แรงบิดเบาๆ ที่ก้านอะโวคาโด ถ้าก้านหลุดออกง่าย แสดงว่าอะโวคาโดสุกแล้ว สังเกตสีของก้าน: ก้านอะโวคาโดที่สุกมักจะมีสีน้ำตาล หรือสีดำเล็กน้อย สังเกตสีของเปลือกบริเวณก้าน: ถ้าเปลือกบริเวณก้านมีสีน้ำตาลเข้ม หรือมีรอยด่างดำ แสดงว่าอะโวคาโดอาจจะสุกเกินไป 5. ขนาดและรูปร่าง ควรเลือกอะโวคาโดที่รูปร่างสมส่วน เพราะมักจะมีเนื้อที่แน่นและสม่ำเสมอ โดยอะโวคาโดที่สุกมักจะมีขนาดใหญ่และรูปร่างสมส่วน ไม่บิดเบี้ยว อะโวคาโดที่มีรูปร่างบิดเบี้ยว อาจเกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ หรืออาจมีรอยช้ำภายในค่ะ โดยขนาดและรูปร่างของอะโวคาโดเป็นเพียงปัจจัยเสริมในการเลือกซื้อค่ะ วิธีสังเกตจากภายใน 1. สีของเนื้อ สีของเนื้ออะโวคาโด ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงระดับความสุกของผลไม้ชนิดนี้ค่ะ โดยทั่วไปแล้วเนื้ออะโวคาโดที่สุกจะมีสีเหลืองอ่อนๆ หรือเขียวอมเหลือง เพราะเมื่ออะโวคาโดสุกขึ้นมา กระบวนการสุกงอมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ซึ่งส่งผลให้สีของเนื้อเปลี่ยนไปจากสีเขียวเข้มเป็นสีเหลืองอ่อนๆ หรือเขียวอมเหลืองค่ะ โดยสีของเนื้ออะโวคาโดสามารถบอกอะไรเราหลายอย่างมาก ได้แก่ สีเหลืองอ่อน: เนื้ออะโวคาโดที่มีสีเหลืองอ่อนมักบ่งบอกว่าอะโวคาโดสุกกำลังดี มีรสชาติอร่อย และเนื้อนิ่ม สีเขียวอมเหลือง: เนื้ออะโวคาโดที่มีสีเขียวอมเหลือง อาจจะสุกกำลังดีหรือยังไม่สุกเต็มที่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น ความนิ่มของเนื้อ สีเขียวเข้ม: เนื้ออะโวคาโดที่มีสีเขียวเข้ม แสดงว่าอะโวคาโดยังดิบอยู่ และวิธีสังเกตสีของเนื้ออะโวคาโด ให้ทำตามนี้ค่ะ ตัดดู: วิธีที่ง่ายที่สุดคือการตัดอะโวคาโดออกเป็นสองซีก เพื่อสังเกตสีของเนื้อภายใน ใช้ช้อนขูด: ถ้าไม่อยากตัดอะโวคาโดทิ้ง สามารถใช้ช้อนขูดเนื้อบริเวณใกล้ๆ ขั้วผลมาดูสีได้ 2. ความแน่นของเนื้อ ความแน่นของเนื้ออะโวคาโด ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงระดับความสุกของผลไม้ชนิดนี้ค่ะ โดยเนื้ออะโวคาโดที่สุกกำลังดีจะมีความนิ่ม แต่ไม่เละ เมื่อกดเบาๆ จะยุบตัวลงเล็กน้อย ซึ่งความแน่นของเนื้ออะโวคาโดแต่ละแบบมีความหมายต่างกัน ดังนี้ นิ่มแต่ไม่เละ: เนื้ออะโวคาโดที่มีความนิ่มแต่ไม่เละ เมื่อกดเบาๆ จะยุบตัวลงเล็กน้อย แสดงว่าอะโวคาโดสุกกำลังดี เหมาะสำหรับนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู แข็ง: เนื้ออะโวคาโดที่แข็ง แสดงว่าอะโวคาโดยังดิบอยู่ อาจต้องรอสักระยะหนึ่ง หรือใช้เทคนิคการบ่มเพื่อเร่งให้สุก เละ: เนื้ออะโวคาโดที่เละ แสดงว่าอะโวคาโดสุกเกินไป เนื้ออาจจะมีกลิ่นเหม็นหรือรสชาติเปลี่ยนไปค่ะ 3. เมล็ด เมล็ดอะโวคาโด ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สามารถบ่งบอกถึงระดับความสุกของผลได้เช่นกันค่ะ ซึ่งเมล็ดอะโวคาโดที่สุกมักจะหลวมและเคลื่อนที่ได้เล็กน้อยเมื่อเขย่าผลเบาๆ เพราะเมื่ออะโวคาโดสุก เนื้อผลจะค่อยๆ แยกตัวออกจากเมล็ด ทำให้เมล็ดมีช่องว่างและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ถ้าเมล็ดติดแน่นกับเนื้อผล แสดงว่าอะโวคาโดยังดิบอยู่นะคะ และต่อไปนี้คือวิธีตรวจสอบเมล็ดอะโวคาโดค่ะ เขย่าผล: เขย่าผลอะโวคาโดเบาๆ ถ้าได้ยินเสียงเมล็ดเคลื่อนที่ แสดงว่าอะโวคาโดสุกแล้ว กดบริเวณเมล็ด: กดเบาๆ บริเวณที่เป็นเมล็ด ถ้ารู้สึกว่ามีช่องว่าง แสดงว่าเมล็ดหลวม 4. กลิ่น กลิ่นหอมของอะโวคาโด ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าอะโวคาโดสุกกำลังดีค่ะ กลิ่นหอมนี้เกิดจากกระบวนการสุกงอมที่ทำให้เกิดสารประกอบระเหยที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว โดยเวลาเราดมกลิ่นของอะโวคาโดเราสามารถเจอได้ดังนี้ค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ: กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของอะโวคาโดสุก จะมีกลิ่นหอมหวาน มันๆ เล็กน้อย ไม่มีกลิ่น: ถ้าอะโวคาโดไม่มีกลิ่นเลย แสดงว่าอาจจะยังดิบอยู่ กลิ่นเหม็น: ถ้าอะโวคาโดมีกลิ่นเหม็น แสดงว่าอาจจะสุกเกินไป หรือเน่าเสียแล้ว และต่อไปนี้คือวิธีสังเกตกกลิ่นของอะโวคาโดค่ะ ดมบริเวณขั้วผล: กลิ่นหอมของอะโวคาโดมักจะเข้มข้นบริเวณขั้วผลค่ะ ตัดดู: ถ้าไม่แน่ใจ สามารถตัดอะโวคาโดออกเป็นสองซีก แล้วดมบริเวณเนื้อ จบแล้วค่ะ กับเคล็ดลับเพื่อประเมินว่าอะโวคาโดลูกไหนสุกพอดี ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ? ปกติผู้เขียนก็ประยุกต์ใช้เคล็ดลับในนี้ค่ะ โดยมักใช้วิธีการหลายอย่าง เช่น การดูสีของเปลือก การกดเบาๆ เพื่อประเมินความนิ่มของเนื้ออะโวคาโด และการดมกลิ่น ที่พอใช้เคล็ดลับนี้แล้ว ก็ทำให้ได้อะโวคาโดลูกสุกพอดีจริงๆ ค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านต้องลองนำไปใช้ค่ะ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://food.trueid.net/detail/WorLvGzxQLxO https://food.trueid.net/detail/07jz5oLawlL7 https://food.trueid.net/detail/dN97JZRwJ9lY เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !