ไม่ว่าจะฤดูกาลใด สิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้สำหรับนักเดินทางคือจุดแวะพัก โดยเฉพาะช่วงสภาพอากาศปลายฝนต้นหนาวอย่างเดือนตุลาคมนี้ ที่ฝนสุดท้ายของปียังคงโปรยปรายอยู่ทั่วกรุง สลับกับแดดจ้าในตอนบ่าย จึงเป็นการดีที่จะแวะมา "จิบน้ำชา เสวนามิตร ชีวิตรื่นรมย์" ที่ "โรงน้ำชามิตรามิตร" ใจกลางย่านพระนครแห่งนี้ ท่ามกลางการสัญจรของผู้คนรวมถึงนักท่องเที่ยวบริเวณถนนพระอาทิตย์ หากลองปล่อยใจให้สบาย เดินช้าๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองกรุง จะพบโรงน้ำชาเล็กๆในอาคารไม้ดั้งเดิมตรงข้ามกับพิพิธบางลำพู สังเกตได้ไม่ยากเลย ร้านเล็กดูลึกลับแต่มีความโดดเด่นสะดุดตา สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบด้วยถ้อยคำโปรยเชิญชวนที่แฝงความหมายน่าค้นหาบริเวณประตูหน้าร้านภายในร้านประดับประดาไปด้วยเครื่องเรือนสไตล์ Chinese Classic รวมทั้งรูปปั้นกระเบื้องเคลือบสัตว์ในตำนานต่างๆ ผสานกับกลิ่นอายไทยเดิมด้วยเสียงเพลงบรรเลงชวนฝัน หอมกรุ่นกลิ่นใบชาฟุ้งไปทั่วร้าน ทางร้านประดับกระปุกใบชาเรียงรายให้ได้ชม โดยใบชาเหล่านี้ล้วนถูกส่งตรงจากเมืองจีน พร้อมด้วยคุณภาพและความใส่ใจในการเลือกสรรพันธ์ชาที่ดีที่สุด สามารถทานได้ทั้งผู้ที่รักชาและผู้ที่ไม่ได้ทานชาร้อนเป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีหนังสือหลากหลายประเภทให้เลือกอ่าน เปียโนที่สามารถบรรเลงเพิ่มสีสันภายในร้านได้และมุมเล็กๆหันหน้าเข้าหาถนนพระอาทิตย์เพื่อชมบรรยากาศผู้คนสัญจร ขณะจิบชาไปพลางในส่วนของเมนูชานั้น ได้แบ่งออกเป็นชาขาว ชาเขียว ชาอู่หลง ชาแดงและชาดำของจีน ซึ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป โดยแต่ละชนิดให้สัมผัส รสชาติ กลิ่นและความรู้สึกต่างกันออกไป ทางร้านได้เพิ่มลักษณะเฉพาะเปรียบเปรยชาแต่ละชนิดไว้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกชาได้ตรงตามความต้องการ อีกทั้งยังมีเมนูภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติอีกด้วย ในเซ็ตน้ำชาต่อ 1 คนนั้นประกอบด้วยชาร้อนที่สามารถเติมน้ำร้อนได้เรื่อยๆ และขนมหวานดั้งเดิมแบบชาวบางลำพู นอกจากนี้ทางร้านอาจมีเครื่องเคียงหรือขนมหวานตามฤดูกาลให้ได้ลุ้น ได้ชิมกันไม่ว่าจะเป็นขนมไทยดั้งเดิม ผลไม้อบแห้งหรืออาหารทานเล่น ที่ถูกปากและเข้ากันได้ดีกับชาร้อนแต่ละชนิด ผู้เขียนเลือกทาน Milk Oolong ชาอ่อนที่บ่มหมักด้วยวนิลาจนรสสัมผัสที่ได้เหมือนได้ลิ้มรส "ชานม" เป็นนวัตกรรมที่ฉลาดและมหัศจรรย์มาก เนื่องจากในกาน้ำชานั้นมีเพียงใบชากับน้ำร้อนเท่านั้น ไม่ได้มีนมในส่วนประกอบใดเลย แต่ผู้เขียนกลับได้รสสัมผัสของนมสดเคล้ากลิ่นใบชาเหมือนชื่อของ Milk Oolong ไม่มีผิด ผู้ดูแลร้านแนะนำมาว่าเมนูนี้ทานง่าย ถูกใจวัยรุ่นโดยเฉพาะสาวๆเป็นอย่างมาก ส่วนเมนูอื่นๆที่แนะนำได้แก่ Pu-erh หรือชาดำของจีนที่เข้มข้นเป็นพิเศษ เปี่ยมด้วยรสสัมผัสแบบชาจีนแท้ ผสานกลิ่นธรรมชาติจากกระบวนการบ่มแบบเฉพาะ ชาชนิดนี้เข้มข้นยิ่งกว่าชาดำหรือ Black tea ของชาวตะวันตกถูกใจคอชาเป็นอย่างยิ่ง อีกเมนูสำหรับผู้ที่ทานชาตะวันตกหรือ Afternoon tea แบบอังกฤษเป็นประจำน่าจะถูกใจคือ ชาแดงเตี๊ยนหง 58 ซึ่งทางร้านแนะนำว่าเป็นชารางวัลที่ถูกใจทั้งฝรั่งและชาวจีนหอบหิ้วกลับบ้านเกิดไปหลายราย ด้วยรสชาติเข้มแต่ทานง่ายคล้ายชาฝรั่ง กลิ่นใบชาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากผู้เขียนไปกับเพื่อนทั้งหมดสามคน (นับรวมผู้เขียนด้วย) ซึ่งเราต่างเป็นนักศึึกษา มีความรู้เรื่องชาเพียงน้อยนิดเท่านั้น ผู้ดูแลจึงแนะนำให้สั่งชาคละชนิดกันแล้วลองชิมรสชาติที่ต่างกันได้ ทางร้านได้ให้จอกชิมชาแยกมาให้ต่างหาก ถือเป็นความเอาใจใส่ที่ละเอียดอ่อน ได้ใจผู้เขียนและเพื่อนๆไปเต็มๆ ผู้ดูแลร้านเป็นมิตรและให้บริการด้วยใจ มิใช่เพียงรับแขกหรือลูกค้าเท่านั้น "โรงน้ำชามิตรามิตร" ต้อนรับผู้มาเยือนทั้งผู้ที่เป็น "มิตร" ที่รู้จักสนิทสนมกันดีแล้ว และ "อมิตร" หรือบุคคลแปลกหน้า ให้ได้มารู้จักกันภายในโรงน้ำชาเล็กๆแห่งนี้ ที่นักเดินทางจากทุกสารทิศได้เข้ามารับอากาศเย็นสบายของเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิพอเหมาะ จิบชาร้อน ฟังเพลงไทยเดิม อีกทั้งยังมี wi-fi ให้ใช้บริการได้ฟรี เปิดบริการทุกวัน เวลา 14.00 - 21.00 (ปิดเฉพาะวันเสาร์) โดยสามารถติดต่อทางร้านเพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/mitramitteahouse ก่อนจะจากกันไปขอฝากภาพบรรยากาศยามเย็นของพระนคร ที่ผู้ดูแลร้านได้แนะนำให้ผู้เขียนและเพื่อนเยี่ยมชมสวนสันติชัยปราการก่อนจะใช้เส้นทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อกลับไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ /ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อยู่ด้วยกันมาถึงบรรทัดสุดท้าย ขอให้มีความสุขกับเรื่องราวดีๆในวันนี้ :)