เสียงหวานกังวาลในบทเพลงของต่าย อรทัย แว่วดังมาแต่ไกล ปลุกผมที่นั่งทำงานอยู่หน้าจอ ให้ออกจากห้วงภวังค์แห่งความคิดของการทำงาน ล่วงเลยมาเกือบเดือนเต็มแล้ว ที่เราต้องอยู่กันบ้านใครบ้านมัน แม้กระทั่งการทำงาน ก็ต้องทำงานจากบ้านตัวเอง หรือที่เรียกว่า Work From Home เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของเชื่อไวรัส Covid 19 ในยามเที่ยงเช่นนี้ เป็นเวลาเดิมเสมอที่เสียงบทเพลงของต่ายอรทัยจะแว่วดังมาตามสายลม ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า ตลาดเคลื่อนที่ ได้มาให้บริการถึงหน้าบ้านคุณแล้ว.... รถกระบะสีบรอนซ์ เสริมหลังคาด้านหลัง ค่อยๆเคลื่อนที่เข้ามาจอดยังใต้ร่มไม้ เสียงเพลงประจำรถที่ดังแว่วในลำโพง เป็นเพลง "วันที่บ่มีอ้าย" ของต่ายอรทัย ซึ่งมีท่วงทำนองที่เป็นเอกลักษณ์คือเสียงพิณ ที่จดจำได้ง่าย เป็นเสียงเรียกลูกค้า โดยรถแต่ละคัน ก็จะมีการเปิดเพลงเรียกแขก แตกต่างกันออกไป ตามแต่ความชอบของพ่อค้าแม่ค้าแตะละคน ด้านหลังกระบะมีแม่ค้าหนึ่งคน พร้อมด้วยวัตถุดิบต่างๆนาๆที่แขวนอยู่บนราวใต้หลังคารถกระบะคันนั้น คนงานก่อสร้าง พ่อบ้านแม่บ้าน ทั้งชายและหญิงก็เริ่มเดินเข้ามาเลือกซื้อจับจ่ายสินค้า เพื่อนำไปทำเป็นอาหารในแต่ละวัน จะว่าไป ผมเก็บตุนสเบียงที่เป็นอาหารแห้งไว้บ้างแล้ว แต่ครั้นจะกินแต่อาหารแห้งอย่างเดียว เราคงเป็นโรคขาดสารอาหารตายซะก่อนที่ติดเชื้อ Covid 19 รถกับข้าวจึงตอบโจทย์กับคน ที่ไม่อยากจะออกไปตลาด และลดการเดินทางเคลื่อนที่ไปยังแหล่งอื่น โดยเลือกใช้บริการรถกับข้าวเคลื่อนที่คันนี้แทน แม่ค้าคนงาม ปิดบังใบหน้าไว้ด้วยแมสก์ เป็นสัญลักษณ์ของความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น แต่กระนั้นด้วยแววตาก็รับรู้ได้ว่าเธอยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ แม้มีแมสก์ปิดบังใบหน้า เมื่อเจรจาค้าขายกับลูกค้า ที่บัดนี้ ต่างเข้ามามะรุมมะตุ้มกันอย่างหนาแน่น ลูกค้าบางส่วนของรถกับข้าวคันนี้ ล้วนเป็นคนงานก่อสร้างในละแวกบ้าน ที่ตั้งแคมป์ก่อสร้างอยู่ไม่ไกลมากนัก จะว่าไปพวกเขาก็อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจกฏเกณฑ์ Social distancing หรือการเว้นระยะห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตร จึงทำให้บางครั้ง พวกเขาก็เข้ามารุมล้อมรถคันนี้มากจนเกินไป แต่ก็ยังมีระยะห่างจากแม่ค้าที่นั่งอยู่บนรถ ไกลเกิน 1 เมตร ซึ่งหากไม่คิดมากอะไรแล้ว ก็ยังพอจะอนุโลมได้ว่า เหมาะที่จะซื้อสินค้าในตลาดเคลื่อนที่คันนี้อยู่บ้าง ริมรั้วแขวนทั้งสองฝั่งของรถ ล้วนเต็มไปด้วยผักนาๆชนิด ทั้งแตงกวา พริก มะเขือเปราะ เห็ดนางฟ้า หอมหัวใหญ่ หอมแดง พริกแห้ง ฟักแฟงต่างๆ อีกฝั่ง เป็นผลไม้ ทั้งมะม่วง มะพร้าว สัปปะรด ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบไทยๆที่หาได้ตามตลาดสดทั่วไป เมื่อเดินมาส่วนด้านหลัง จะพบกับตูแช่ขนาดใหญ่ ที่ประยุกต์ให้เข้ากับขนาดของกระบะหลังได้อย่างพอดิบพอดี ด้านในมีเนื้อสด ทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ เครื่องใน ปลา หรือแม้แต่อาหารทะเล อย่างกุ้งและปลาหมึก ซึ่งมีให้เลือกสรรได้ตามใจต้องการ การจัดเชลท์ต่างๆ และการแขวนสินค้าให้โดดเด่นสะดุดตา ถือเป็นเอกลักษณ์ของรถกับข้าว ที่หลายๆครั้ง ซัพพลายเออร์รายใหญ่ ก็พยายามที่จะสร้างแบรนด์และทำรถกับข้าวในแบบของตนเอง แต่ความเป็นกันเองกับชุมชนนี้ต่างหาก ที่เป็นหัวใจหลักให้รถกับข้าว ยังโลดแล่น ให้บริการชุมชนจนถึงปัจจุบัน วันนี้ผมเลือกปลาทับทิมหนึ่งตัว พร้อมด้วยเครื่องต้มยำ และขิง เพื่อนำไปทำเมนูชาววังอย่าง แสร้งว่าปลาทับทิม แม่ค้าใช้ที่คีบ คีบเนื้อสัตว์ต่างๆ ใส่ถุง แล้วยื่นส่งให้ จ่ายเงินเรียบร้อยเสร็จสรรพก็พบว่า ราคาอาหารและวัตถุดิบบนรถกับข้าวนั้น ราคาอาจจะแพงกว่าในตลาดทั่วไปราวๆ 5 - 10 บาท ซึ่งแลกกับค่าน้ำมันก็เราต้องเดินทางไปตลาดและความสะดวกสบาย ก็ถือว่าไม่ได้เกินไปเลย จะว่าไปถึงจุดกำเนิดของรถกับข้าวแบบนี้ ก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่และใครเริ่มต้นทำเป็นเจ้าแรกๆ แต่สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้คือ ประเทศไทยเรามีวัฒนธรรมการหาบเร่ขายอาหารมานานแสนนานแล้ว ซึ่งนั่นเองก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด จุดกำเนิดของรถกับข้าว เมื่อสอบถามแม่ค้าถึงเหตุการณ์สถานการณ์บ้านเมือง ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤติการณ์ Covid 19 แม่ค้ายิ้มแย้มในแววตาและบอกว่า เขาเองไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่นัก ซ้ำช่วงนี้ยังถือเป็นช่วงที่ได้กำไร เพราะทุกคนล้วนอยู่กันแต่ในบ้าน ซึ่งรถกับข้าวเคลื่อนที่ ก็เข้าไปบริการถึงบ้านคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด หรือแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็ล้วนดูจะได้รับผลกระทบจาก Covid 19 กันถ้วนหน้า อาจจะด้วยมาตรการที่ทางภาครัฐ ออกมาสนับสนุนการอยู่บ้าน เพื่อหยุดเชื้อ จึงถือเป็นโอกาสทองของรถกับข้าวเหล่านี้ ที่จะให้บริการแก่ชาวบ้าน ที่กักตัวอยู่ในบ้าน ให้ได้รับความสะดวกสบายมากกว่าเดิม ในภาวะที่ต่างคนต่างลำบากเช่นนี้ ผู้เขียนสอบถามเป็นพิธี เพราะเห็นว่าแม่ค้า จะต้องไปบริการยังหมู่บ้านอื่น ๆ อีกต่อไป ในช่วงเวลานี้ที่ทุกคนต่างกักตัวอยู่แต่ในบ้านนั้น รถกับข้าวเอง ก็ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ เพราะเสมือนเป็นตลาดสดเคลื่อนที่ มาบริการถึงหน้าบ้าน ย่นระยะเวลา และตัดความเสี่ยงออกไปได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ทว่า หากมองอีกแง่มุมหนึ่งแล้ว ก็ต้องระมัดระวังตนเอง การใช้บริการรถกับข้าวเช่นกัน เพราะหากผู้ซื้อ ไม่ระมัดระวังตัว และไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์มาตรการทางสังคมอย่าง Social Distacing แล้ว รถกับข้าว อาจจะเป็น รถเดลิเวอรี่ เชื้อ Covid19 ถึงหน้าบ้านคุณก็เป็นได้ ดังนั้น เมื่อต้องใช้บริการรถกับข้าว ก็ควร ใส่แมสก์ปิดปากให้เรียบร้อย เว้นระยะห่าง ไม่เข้าไปรุมล้อมรถ และเว้นระยะห่างกันและกัน ดีที่สุด อย่าลืม รับผิดชอบต่อตัวเอง และสังคมกันด้วยนะ เรื่อง : จิรวัสส์ สุทธิพิทยศักดิ์ ภาพ : จิรวัสส์ สุทธิพิทยศักดิ์ Facebook : Thailand Local