มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา (จากกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน) มัสมั่นถือเป็นอาหารไทยที่ถือได้ว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่แพ้แกงอื่น ๆ เลยล่ะคะ ขั้นตอนการทำก็อาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากหน่อยแต่ก็ต้องยอมรับว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย เนื่องจากผู้เขียนรู้สึกเบื่อ ๆ วันนี้เลยคิดจะทำแกงมัสมั่น ซึ่งทั้งนี้ผู้เขียนเองได้ดูสูตรจากในเน็ตแล้วนำมาปรับเป็นสูตรของตัวเอง เราลองมาทำไปพร้อม ๆ กันนะคะ ขั้นตอนการทำ 1. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่เนยสดกับน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย รอให้เนยละลาย 2. ใส่หอมใหญ่ที่หั่นไว้ลงไป ผัดให้มีกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย 3. หลังจากนั้นใส่แครอทและมั่นฝรั่งลงไป ผัดให้พอหอม ๆ แล้วตั้งพักไว้ก่อน 4. เอาน้ำร้อนใส่ลงไปในมะพร้าวขูด เพื่อคั่นเป็นน้ำกะทิ แต่รอให้เย็นสักพักก่อนนะคะแล้วค่อยคั้นไม่งั้นมือพองแน่ค่ะ ซึ่งเราจะได้น้ำกะทิออกมาเป็นสองส่วน คือ หัวกะทิ และ หางกะทิ 5. ตั้งหม้อแกง เปิดไฟอ่อน ๆ 6. หลังจากนั้นใส่หัวกะทิลงไปไม่ต้องเยอะนะคะ ตั้งไฟจนเดือด 7. ใส่กะปิลงไป แต่กะปิควรที่จะนำไปห่อใบตองและย่างไฟมาก่อน เพื่อให้มีกลิ่นหอมและลดความคาวนะคะ เนื่องจากผู้เขียนเองไม่ชอบกินกะปิการนำไปย่างไฟช่วยได้เยอะเลยค่ะ 8. ใส่เครื่องแกงมัสมั่นลงไป ผู้เขียนใส่เครื่องแกงลงไปครึ่งกิโลเลยค่ะ ผัดจนส่งกลิ่นหอมทั่วบ้าน (หอมในที่นี้คือมีคนในบ้านต้องจาม แน่นอนค่ะว่าผู้เขียนเองจามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) 9. ใส่ซี่โครงหมูลงไป (ในที่นี้ผู้เขียนทำการลวกซี่โครงหมูไว้ก่อนเพื่อลดความคาวนะคะ) 10. คลุก ๆ พอให้ทุกอย่างเข้ากัน 11. เติมหางกะทิลงไป ใส่ไปเยอะ ๆ ได้เลยค่ะสำหรับคนที่ชอบกินน้ำแกง 12. เปิดไฟอ่อน ๆ หลังจากนั้นก็ตั้งทิ้งไว้สักพักรอให้หมูเปื่อยดี 13. ช้อนฟองและน้ำมันทิ้ง เหลือน้ำมันทิ้งไว้ให้พอเคลือบกระเพาะลำไส้เพื่อเป็นสีสันของชีวิต 14. นำผักที่ผัดตั้งไว้ใส่ลงไปในหม้อ 15. ใส่น้ำตาลเล็กน้อยและใส่ส้มแขกลงไป 16. ปิดฝา ตั้งเวลาไว้ 20 นาที 17. เติมหัวกะทิลงไป เคี่ยวต่อจนได้ความเข้นข้มที่พอใจ ปรุงรสเพิ่มได้ตามความชอบ 18. เติมถั่วลิสงคั่วลงไป 19. แค่นี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วค่อยปิดฝา ไม่งั้นแกงจะบูดได้นะคะ จากการทำครั้งแรกผู้เขียนถือว่าประสบความสำเร็จนะคะ ระยะเวลาในการเคี่ยวส่งผลต่อความเข้มข้นของน้ำแกง ซึ่งผู้เขียนเคี่ยวนานน้ำแกงถือว่าข้นถูกใจผู้เขียนเป็นอย่างมาก หากใครชอบก็ลองทำตามกันดูนะคะ ภาพถ่ายโดย ผู้เขียน