ภาพโดย pixabay ภาพโดย Unsplash วัฒนธรรมการดื่มชามีมายาวนานไม่น้อยกว่า 2500 ปีมาแล้ว ตามประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าชนชาติจีนเป็นชนชาติแรกของมนุษยชาติที่รู้จักการดื่มชา มีบันทึกเชิงตำนานกล่าวถึงปรมาจารย์ด้านแพทย์ของจีนที่ชื่อเสินหนง ได้ถูกพิษ 70 กว่าชนิดในวันเดียว และเมื่อได้เคี้ยวใบชาพิษทั้ง 70 กว่าชนิดนั้นได้ถูกถอนออกจากร่างกายจนหมดสิ้น ชาจีนเป็นพืชล้มลุกประเภทไม้พุ่ม มีขนาดความสูงโดยประมาณ 2-3 ฟุต ใบจะมีทรงรียาวและแคบ นิยมปลูกบริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำ ชาจีนจะมีส่วนผสมสำคัญในใบชา อยู่ 3 ส่วน ได้แก่ เมทิลแซนทีน แทนนิน และส่วนที่ให้กลิ่นหอม การเก็บนิยมเก็บเมื่อชามีอายุได้ประมาณ 3 ปี และนิยมเก็บส่วนของใบที่เป็นยอดอ่อน ภาพโดย pixabay ภาพโดย Unsplash ด้วยความที่มีตำนานเกี่ยวกับเสินหนงทำให้ชาวจีนนิยมใช้ชาในการป้องกันและรักษาโรคมาแต่โบราณ จนกระทั่งชาได้ถูกนำมาบริโภคในทุกชนชั้นของคนจีน ชาวจีนแทบทุกครัวเรือนจะชงชาและดื่มน้ำชาแทนน้ำเปล่าในชีวิตประจำวัน ความสำคัญของชาสำหรับคนจีนนั้นนับว่ามีความสำคัญมาก มีการมอบชาเป็นของขวัญในวาระพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับ การอวยพรหรือแม้แต่การอำลา ปัจจุบันชาวจีนส่วนหนึ่งนิยมซื้อชาเก็บไว้ไม่ใช่แค่สำหรับบริโภคเท่านั้นแต่ไว้สำหรับเป็นทรัพย์สินให้ลูกหลาน ชาดีอัดแท่งบ้างชนิดสนนราคาสูงนับล้านบาทก็ยังมีให้เห็น สำหรับคนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการดื่มชาของคนจีน แม้ไม่ใช่ลูกหลานชาวจีนที่บ้านนิยมดื่มชาเป็นปกติ เพราะเราคุ้นชินกับการดูหนังดูละครจีน โดยเฉพาะหนังจีนย้อนยุคหรือหนังจีนโบราณ จะเห็นว่าชาวจีนดื่มชากันเป็นปกติแทนน้ำ อีกอย่างนะคะชาของคนจีนที่นิยมดื่มกันจะเป็นชาร้อนนะคะ เวลาดื่มก็จะดื่มจากจอกที่ทำจากดินเผาหรือไม่ก็กระเบื้องใบเล็ก ๆ ค่อย ๆ ละเมียดจิบพร้อมสูดดมกลิ่นของชาที่หอม ๆ ไปด้วย อย่างที่บอกการดื่มชาของชาวจีนไม่ใช่แค่เป็นเครื่องดื่มเพื่อการดับกระหายเท่านั้นแต่ได้สอดแทรกหลักปรัชญาและหลักการดำเนินชีวิตอยู่ในวัฒนธรรมการดื่มชาด้วย ซึ่งตรงนี้เราสามารถสังเกตเห็นได้ชัดจากกรรมวิธีชงชาจีนค่ะ ภาพโดย pixabay ภาพโดย pixabay เรามาดูกรรมวิธีชงชาแบบจีนกันนะคะ บางคนอาจเคยได้ยินคำว่าเทสูงรินต่ำกันมาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ เรามาดูกันค่ะว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเทสูงรินต่ำ ขั้นตอนแรกของการชงชาขอเริ่มที่ภาชนะก่อนนะคะ ส่วนใบชาแล้วแต่ใครเลือกเลยค่ะ เพราะศาสตร์แห่งการชงชาจีนมันล้ำลึกจริง ๆ แค่เลือกชามาดื่มก็ต้องเรียนรู้ไม่น้อย ผู้เขียนยังไม่มีความสามารถถึงขั้นแนะนำได้ขนาดนั้น ส่วนใหญ่ที่คนไทยคุ้นเคยและนำมาดื่มกันก็คือชาอู่หลง เลือกภาชนะที่เรียนกว่าป้านชา(กาชา)ถ้าจะให้ดีควรเป็นภาชนะดินเผาค่ะ เพราะเก็บความร้อนและความหอมของชาได้ดี จากนั้นใช้ช้อนหรือจะให้ดีใช้ตะเกียบคีบใบชาขึ้นมาใส่ลงในป้านชา ส่วนชาที่เปิดแล้วควรปิดผนึกให้แน่นหนานะคะไม่อย่างนั้นการชงครั้งต่อไปชาไม่มีกลิ่นหอมหลงเหลือแล้วค่ะ จากนั้นตักใบชาและเทลงในป้านชา เทน้ำร้อนลงไปในป้าน ตอนนี้แหละคะคือขั้นตอนที่บอกว่าเทสูงรินต่ำ เหตุที่ต้องเทน้ำร้อนให้สูงเพื่อให้ใบชาโดนน้ำร้อนกระแทกจนคลีใบออกมา เมื่อเทน้ำร้อนลงไปแล้วให้รินน้ำชาแรกทิ้งไปค่ะเพราะน้ำแรกเราเทน้ำร้อนลงไปเพื่อให้ชาสะดุ้งจนปล่อยกลิ่นหอมออกมาค่ะ แล้วก็อย่าลืมว่าจอกใส่ชาควรลวกให้ร้อนเพื่อเวลาใส่น้ำชาลงไปความอุ่นของจอกชาที่ใช่ดื่มจะช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำชาไว้และทำให้ชาคงความหอมได้นานค่ะ ลำดับถัดมาทำซ้ำแบบเดิมค่ะ เทน้ำร้อนแบบเทสูงลงในป้านชาเช่นเดิม จากนั้นให้ปิดฝาป้านชาไว้ประมาณ 1 นาที ระหว่างนี้ให้นำน้ำร้อนราดป้านชาไปรอบ ๆ ป้านนะคะ เพื่อให้น้ำชาด้านในยังคงรักษาระดับอุณหภูมิไว้เหมือนเมื่อแรกเทน้ำร้อนลงไปค่ะ ครบ 1 นาทีแล้วก็รินชาได้เลยค่ะ ตรงนี้ให้รินชาต่ำ ๆ นะคะ เพื่อไม่ให้กลิ่นชากระจายจนน้ำชาความหอมลดลง นี้เองค่ะเป็นที่มาของกรรมวิธีชงชาจีนว่าต้องเทสูงรินต่ำ เป็นทริกที่ช่วยให้จำได้ง่าย ๆ เลยใช่มั้ยละคะ * การดื่มชาจีนสำหรับคนจีนถือเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์นะคะ จัดว่าเป็นสุนทรียศาสตร์ประเภทหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ