นอกจากสายพันธุ์องุ่นแสนอร่อยที่เรากินกันนั้น ยังมีองุ่นที่ใช้ทำไวน์ ซึ่งจะแตกต่างจากองุ่นที่เราไว้กินสด เพราะองุ่นเหล่านี้มักออกรสเปรี้ยว ฝาด เปลือกหนากว่า กินสดไม่อร่อย แต่เมื่อนำมาหมักบ่มก็จะได้เป็นเครื่องดื่มชั้นเลิศ ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ หรือคือไวน์ชนิดต่าง ๆ นั่นเอง รสของไวน์นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งอุณหภูมิ สภาพอากาศ ไปจนถึงดินที่ใช้ปลูกองุ่น และอื่น ๆ แต่ปัจจัยหลักที่จะกำหนดรสชาติและกลิ่นของไวน์ก็คือ สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ วันนี้ผู้เขียนจึงได้ยกตัวอย่างสายพันธุ์องุ่นที่นิยมนำมาทำไวน์ 10 สายพันธุ์ มานำเสนอให้ได้รับชมกันดังนี้ 1. Carbernet sauvignon ( การ์แบร์เน โซวีญง ) คงจะไม่พูดถึงองุ่นสายพันธุ์นี้ไม่ได้ ถ้าพูดถึงไวน์แดง เพราะองุ่นสายพันธุ์นี้ได้รับสมญานามว่าเป็น “ KING OF RED WINE GRAPES ” เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ Bordeaux, Lafite, Souvignon Rouge เป็นต้น ตามแต่ละพื้นที่ เป็นองุ่นที่ให้รสชาติไวน์ที่ดีมาก เติบโตได้ดี ทนต่ออากาศทั้งร้อนและหนาว และทนดินได้ทุกสภาพ เป็นองุ่นที่เมื่อหมักบ่มนานจะให้รสที่ดีเลิศ แต่เนื่องจากมีกรดเปรี้ยวสูง รสเข้ม จึงมักนำองุ่นพันธุ์อื่นมาผสมด้วยเพื่อปรุงให้รสดียิ่งขึ้น 2. Merlot ( แมร์โล ) ชื่อขององุ่นพันธุ์นี้ แปลจากภาษาฝรั่งเศสจะหมายถึง “ นกกา “ เป็นเพราะองุ่นพันธุ์นี้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่านกกาเป็นอย่างมาก เป็นองุ่นที่ให้ไวน์ที่มีรสเปรี้ยวน้อย มีความนุ่มนวล และกลิ่นหอมชื่นใจ ดื่มง่าย เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มักถูกนำไปปรุงแต่งไวน์จากการ์แบร์เน โซวีญง ไวน์จากองุ่นแมร์โลนี้มักเป็นที่ชื่นชอบของสุภาพสตรี 3. Pinot Noir ( ปีโน นัวร์ ) ไวน์จาก ปีโน นัวร์ นั้น มักจะมีราคาที่สูงมาก และไวน์บางตัวอาจต้องรอคิวเป็นปี เพราะองุ่นพันธุ์นี้บอบบาง ดูแลได้ยาก ผู้ปลูกมักต้องคอยเอาใจใส่ตลอดเวลา เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นเท่านั้น ทำให้มีผลผลิตจำนวนไม่มากนัก ไวน์ที่ได้จากปีโน นัวร์ จะมีความโดดเด่นทั้งในเรื่องรสชาติ และกลิ่นหอมรัญจวน ที่ไม่มีองุ่นสายพันธุ์ใดเสมอเหมือน 4. Syrah / Shiraz ( ซีราห์ หรือ ชีราซ ) ชื่อสายพันธุ์เป็นชื่อของเมืองหนึ่ง ในเปอร์เซีย ( ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ) ไวน์จากองุ่นชนิดนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รสที่ได้จะมีความโดดเด่น มีความเข้มข้นทั้งกลิ่น และรสชาติที่เปรี้ยวอมฝาด ดื่มแล้วสดชื่น สีก็จะมีความจัดจ้านออกไปทางสีม่วงเข้ม เป็นสายพันธุ์องุ่นที่มีความทนทาน ทั้งต่อพื้นที่แห้งแล้ง และอากาศที่หนาวเย็น 5. Zinfandel ( ซินฟานเดล ) องุ่นพันธุ์นี้มีการปลูกมากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นองุ่นที่มีน้ำตาลสูงและมีแอลกอฮอล์มาก เป็นที่นิยมอย่างสูงในสหรัฐ นิยมใช้ดื่มคลายร้อน ไวน์ที่ได้จากองุ่นพันธุ์นี้จะมีรสชาติที่หลากหลาย ทั้งเข้มข้น และนุ่มนวลอมหวาน ไวน์จากซินฟานเดลมักเป็นสีชมพูอ่อน 6. Chardonnay ( ชาร์ดอนเน ) หากการ์แบร์เน โซวีญง คือ คิง ของไวน์แดง ควีนของไวน์ขาว จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ชาร์ดอนเน โดยแหล่งที่มีการผลิตไวน์ขาว จะขาดสายพันธุ์นี้ไปไม่ได้ มีการปลูกอย่างแพร่หลายเป็นจำนวนมาก ไวน์จาก ชาร์ดอนเน เป็นไวน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา มีรสชาติหนัก เปรี้ยวอมหวาน มีกลิ่นหอมสดชื่น แอลกอฮอล์สูง ไวน์ที่ได้มีสีเหลืองอ่อนเหมือนน้ำผึ้ง 7. Sauvignon Blanc ( โซวีญง บล็อง ) เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์องุ่นไวน์ขาวที่ได้รับความนิยมสูงมาก เป็นสายพันธุ์องุ่นคู่แข่งกับ ชาร์ดอนเน โดยได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองลงมา เมื่อนำมาผลิตไวน์จะให้รสดรายเป็นอย่างดี มีกลิ่นหอมหญ้าอ่อนๆ และกลิ่นผลไม้ มีรสออกเปรี้ยว ดื่มแล้วสดชื่น เป็นสายพันธุ์คู่หู เซมียง เพื่อผลิตไวน์แบบดราย 8. Se’million ( เซมียง ) มีปลูกมากในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ปัจจุบันในที่อื่นๆมีคนปลูกน้อย เพราะเข้าใจว่าปลูกยาก แต่แท้จริงแล้วเป็นองุ่นที่ปลูกง่าย ไม่มีแมลงรบกวน ไวน์ที่ได้จากองุ่นชนิดนี้จะมีสีเหลืองทอง มีรสชาติเข้มข้น มักถูกนำไปผสมกับโซวีญง บล็อง เพื่อผลิตไวน์ขาวแบบดราย นอกจากนี้ยังนิยมนำมาผลิตไวน์หวาน ( Sweet white wine ) อีกด้วย กลิ่นที่ได้จากองุ่นเซมียงจะมีกลิ่นคล้ายผลไม้เมืองร้อน รวมถึงน้ำผึ้ง ลูกพีช และแอปเปิ้ล 9. Riesling ( รีสลิง ) สันนิษฐานว่ามีต้นกำเนิดในประเทศเยอรมนี องุ่นพันธุ์นี้มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมไวน์ในเยอรมนีเป็นอย่างมาก เป็นองุ่นที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น ทนหนาวได้ดี รสไวน์จากรีสลิงมีความโดดเด่น มีรสที่เข้มข้น แต่ให้ความละมุนละไมยามดื่ม มีกลิ่นสดชื่นของผลไม้ สามารถนำมาผลิตไวน์ได้หลายรส เพราะมีกรดเปรี้ยวสูง และยังสามารถนำมาทำไวน์หวานได้ 10. Pinot Gris ( ปีโน กรี ) เป็นองุ่นจากแคว้นบูร์กอญ ฝรั่งเศส องุ่นพันธุ์นี้มีความพิเศษ จากชื่อ คำว่า Gris แปลว่าสีเทา หรือ Grey เพราะ แม้ ปีโน กรี จะเป็นองุ่นแดง แต่เมื่อรอจนสุกเต็มที่เปลือกจะกลายเป็นสีออกเทา เมื่อนำมาทำไวน์ จะได้ไวน์ที่มีสีเหลืองเข้น ไปจนถึงน้ำตาลอ่อน รสที่ได้ไม่เปรี้ยวมาก มีกลิ่นหอมน้ำผึ้ง อัลมอนด์ และแอปเปิ้ล แอลกอฮอล์สูง ขอบคุณแหล่งสืบค้น หนังสือโลกของไวน์ ภาพปกจาก canva.com ขอบคุณภาพประกอบจาก pixabay / flickr / commons.wikimedia Carbernet sauvignon / Merlot / Pinot Noir / Syrah / Zinfandel Chardonnay / Sauvignon Blanc / Se’million / Riesling / Pinot Gris