7 วิธีเลือกงาขาว มาคั่วเอง คุณภาพดี สดใหม่ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล การคั่วงาขาวเองที่บ้านเป็นสิ่งที่หลายคนชอบมากที่สุด เพาะไม่เพียงแต่จะทำให้ได้รสชาติที่หอมกรุ่นแล้ว งาคั่วจากเมล็ดงาขาวที่สดใหม่ ยังทำให้รสชาติของอาหารออกมาดี และมั่นใจในความปลอดภัยในการทานงาคั่วครั้งนั้นค่ะ เพราะงาขาวสดใหม่สามารถทำให้เรามั่นใจได้ในคุณภาพ ที่ใครๆ ก็อยากได้งาขาวคุณภาพดีทั้งนั้น ดังนั้นการเลือกงาขาวจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมากค่ะ ว่าแต่คุณผู้อ่านพอจะนึกออกไหมคะว่า การจะเลือกซื้องาขาวต้องทำยังไงดี แบบไหนน่าซื้อ แบบไหนแห้งสนิท แบบไหนไม่ขึ้นรา เราจะสังเกตยังไง ซึ่งผู้เขียนมองว่าประเด็นนี้หลายคนอาจจะยังไม่รู้ จึงเป็นโอกาสดีที่ในบทความนี้เราจะลงรายละเอียดกันกับเคล็ดลับเลือกงาขาวค่ะ ที่เลือกซื้อมาเพื่อทำอาหาร อาจจะคั่วหรือไม่คั่วก็ได้ แล้วแต่ว่าใครทำอาหารเมนูไหนนะคะ ซึ่งเคล็ดลับในนี้มีอะไรบ้างที่จะช่วยให้เราได้งาขาวคุณภาพดีนั้น เรามารู้จักกันเลยดีกว่า กับวิธีการดังต่อไปนี้ค่ะ 1. สังเกตสี สีของงาขาวเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงคุณภาพและความสดใหม่ของงาค่ะ โดยปกติแล้วงาขาวคุณภาพดีจะมีสีขาวนวลหรือเหลืองอ่อน เนื่องจากงาขาวที่เก็บไว้นานเกินไปหรือเก็บในสภาวะที่ไม่เหมาะสม จะทำให้สีซีดจางลง หรือเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม ซึ่งบ่งบอกว่างาเริ่มเสื่อมคุณภาพและอาจมีรสชาติเปลี่ยนไป งาขาวที่เพิ่งเก็บเกี่ยวใหม่ๆ จะมีสีขาวนวลสะอาดตา อย่างไรก็ตามงาแต่ละพันธุ์อาจมีสีที่แตกต่างกันเล็กน้อย จากสภาพดิน น้ำ และอากาศ มีผลต่อสีของงา แต่การเก็บเกี่ยวที่ถูกวิธีจะช่วยรักษาสีของงาให้สดใสค่ะ 2. ใช้การสัมผัส การสัมผัสเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบคุณภาพของงาขาวค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความเรียบเนียนของเมล็ด ซึ่งบ่งบอกถึงความสดใหม่และการดูแลรักษาที่ถูกต้อง เพราะว่างาขาวที่เก็บไว้นาน หรือเก็บในสภาพที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เมล็ดแตกหัก ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่างาเริ่มเสื่อมคุณภาพแล้ว ซึ่งเมล็ดที่แตกหักอาจเป็นช่องทางให้สิ่งสกปรก เช่น เชื้อรา หรือแมลง เข้าไปทำลายได้ง่าย งาที่มีเมล็ดเสีย อาจส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นของอาหารที่นำไปปรุงค่ะ และวิธีสังเกตเมล็ดงาขาวด้วยการสัมผัส ให้ทำตามนี้ค่ะ ใช้ปลายนิ้วสัมผัส: ลองใช้ปลายนิ้วสัมผัสเมล็ดงาเบาๆ จะรู้สึกได้ถึงความเรียบเนียนของเมล็ดที่สมบูรณ์ สังเกตเมล็ดที่แตกหัก: ตรวจสอบดูว่ามีเมล็ดที่แตกหักหรือไม่ ถ้ามีจำนวนมากแสดงว่างาอาจเก็บไว้นาน หรือได้รับความกระทบกระเทือน 3. ดมกลิ่น กลิ่นหอมนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงคุณภาพของงาขาวค่ะ งาขาวที่สดใหม่และมีคุณภาพดีจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ หรือกลิ่นคั่วที่หอมกรุ่นก็ตาม ในขณะที่งาขาวที่เก็บไว้นานเกินไปหรือเก็บในสภาพที่ไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดกลิ่นหืนหรือกลิ่นอับชื้น หากงาขาวมีกลิ่นแปลกปลอม เช่น กลิ่นเหม็นอับ กลิ่นเปรี้ยว หรือกลิ่นอื่นๆ ที่ผิดปกติ อาจบ่งบอกว่างาขาวนั้นมีการปนเปื้อนของเชื้อรา หรือสารเคมี ทั้งนี้การสังเกตกลิ่นหอมตอนคั่วแล้ว งาขาวที่คั่วอย่างถูกวิธีจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไปตามระดับความสุกค่ะ ดังนั้นหากคุณผู้อ่านเคยซื้องาขาวที่คุณภาพดีมาก่อน ลองนำมาเปรียบเทียบกลิ่น เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ 4. ความชื้น ความชื้นเป็นศัตรูตัวร้ายของงาขาวค่ะ เพราะความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย ส่งผลให้งาขาวเสียคุณภาพ เกิดกลิ่นเหม็นหืน และไม่สามารถนำไปบริโภคได้ ดังนั้นการเลือกงาขาวที่แห้งสนิทจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง จากที่งาขาวที่แห้งสนิทจะสามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น เพราะเชื้อราและแบคทีเรียไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่แห้ง แมลงชอบสภาพแวดล้อมที่ชื้นและมืด ดังนั้นงาขาวที่แห้งสนิทจึงมีโอกาสที่จะมีแมลงปนเปื้อนน้อยกว่าค่ะ โดยวิธีสังเกตความชื้นในงาขาว ได้แก่ สังเกตด้วยตาเปล่า: งาขาวที่แห้งสนิทจะมีเมล็ดที่แยกจากกัน ไม่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อน และไม่มีน้ำเมือกเกาะอยู่ สัมผัส: ลองนำงาขาวมาบีบเบาๆ ถ้ารู้สึกถึงความชื้นหรือมีรอยน้ำติดมือแสดงว่างาขาวนั้นมีความชื้น ถ้าเขย่างถุงบรรจุภัณฑ์แล้วได้ยินเสียงเมล็ดกระทบกันแสดงว่างาขาวแห้งสนิท ดมกลิ่น: งาขาวที่แห้งสนิทจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ไม่เหม็นอับหรือมีกลิ่นแปลกปลอม 5. เลือกขนาดเมล็ด โดยเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องดูขนาดของเมล็ดงาขาว นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเมล็ดงาขาวมีขนาดที่เท่ากัน จะบ่งบอกถึงหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับคุณภาพของงาค่ะ เช่น พันธุ์เดียวกัน: โดยทั่วไปแล้วงาขาวที่ได้จากพืชชนิดเดียวกันในสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกัน จะมีขนาดเมล็ดที่ใกล้เคียงกันมาก การดูแลที่เหมาะสม: พืชที่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เช่น การให้น้ำ ปุ๋ย และการป้องกันโรคแมลง จะผลิตเมล็ดที่มีขนาดสม่ำเสมอ การเก็บเกี่ยวที่ถูกวิธี: การเก็บเกี่ยวที่ระมัดระวังจะช่วยรักษาขนาดและรูปร่างของเมล็ดให้สมบูรณ์ หากเมล็ดงาขาวมีขนาดแตกต่างกันมาก อาจเป็นเพราะมีการผสมเมล็ดจากหลายพันธุ์เข้าด้วยกัน งาที่เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ขาดน้ำ หรือได้รับปุ๋ยไม่เพียงพอ จะผลิตเมล็ดที่มีขนาดแตกต่างกัน และการเก็บเกี่ยวที่ไม่ระมัดระวังอาจทำให้เมล็ดแตกหักหรือเสียหายค่ะ และวิธีสังเกตขนาดเมล็ดงาขาว มีดังนี้ เทียบเมล็ด: นำเมล็ดงาขาวมาเทียบกับเมล็ดของงาในบรรจุภัณฑ์เดียวกัน หากขนาดใกล้เคียงกันมาก แสดงว่ามีคุณภาพสม่ำเสมอ สังเกตด้วยตาเปล่า: โดยทั่วไปแล้วเราสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างของขนาดเมล็ดงาได้ด้วยตาเปล่าค่ะ 6. สังเกตสิ่งเจือปน การมีสิ่งเจือปนในงาขาว ไม่ว่าจะเป็นก้อนดิน หิน หรือเมล็ดพืชชนิดอื่นๆ บ่งบอกถึงกระบวนการผลิตและการเก็บรักษาที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของงาขาวและความปลอดภัยในการบริโภคค่ะ เพราะว่า สิ่งเจือปนแสดงว่างาขาวไม่ได้ผ่านการคัดแยกและทำความสะอาดอย่างละเอียด สิ่งเจือปนอาจนำพาเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย หรือสารเคมีที่เป็นอันตรายปนเปื้อนมาด้วย สิ่งเจือปนอาจทำให้รสชาติและกลิ่นของงาขาวเปลี่ยนไป โดยวิธีสังเกตสิ่งเจือปนในงาขาว มีดังนี้ สังเกตด้วยตาเปล่า: ก่อนซื้อควรตรวจสอบดูว่ามีก้อนดิน หิน หรือเมล็ดพืชชนิดอื่นๆ ปะปนอยู่หรือไม่ เทลงบนพื้นผิวเรียบ: เทงาขาวลงบนพื้นผิวเรียบ เช่น จาน หรือกระดาษ เพื่อสังเกตสิ่งเจือปนที่อาจมีขนาดเล็ก เขย่าบรรจุภัณฑ์: การเขย่าบรรจุภัณฑ์จะช่วยให้สิ่งเจือปนที่เบากว่างาเคลื่อนที่และเห็นได้ชัดเจน 7. ตรวจสอบวันผลิต หลายคนยังมองภาพไม่ออกว่า การดูวันผลิตและวันหมดอายุของบรรจุภัณฑ์ที่ใส่งามานั้น จะไม่ใช่เรื่องของการรู้ว่าผลิตวันไหน หรือหมดอายุวันไหนเท่านั้นนะคะ แต่งาขาวที่ผลิตใกล้เคียงกับวันที่ซื้อ จะมีคุณภาพที่ดีกว่า และมีรสชาติที่หอมกรุ่นกว่าค่ะ ส่วนงาขาวที่เก็บไว้นานอาจมีโอกาสเกิดเชื้อราได้ง่ายขึ้น เพราะถึงถึงแม้ว่างาขาวจะเป็นอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้นาน แต่การเลือกงาขาวที่ผลิตใหม่ จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้มากขึ้น โดยต้องดูว่าบรรจุภัณฑ์ของงาขาวมีการระบุวันผลิตหรือวันหมดอายุอย่างชัดเจนไหม หากไม่มีการระบุวันผลิตบนฉลาก สามารถสอบถามผู้ขายได้โดยตรง ปกติบรรจุภัณฑ์ที่ดูใหม่และไม่มีรอยขีดข่วน มักจะบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ ดังนั้นการตรวจสอบวันผลิตเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกซื้องาขาว เพราะจะช่วยให้คุณได้งาขาวที่มีคุณภาพดีค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ กับเคล็ดลับเลือกงาขาวทั้ง 7 ข้อ พอจะมองภาพออกแล้วใช่ไหมว่าต้องเลือกยังไงกันบ้าง การซื้องาขาวนำมาคั่วเองคือสิ่งที่ผู้เขียนมีประสบการณ์บ่อยๆ ค่ะ เพราะมักทำสลัดผัดที่มีงาคั่วทาน แต่งาคั่วยังสามารถทำอย่างอื่นได้ด้วยนะคะ ที่เคล็ดลับอีกหนึ่งข้ออยากจะฝากไว้ก็คือ การซื้องาขาวในปริมาณที่พอเหมาะกับการใช้งานค่ะ การทำแบบนี้ก็เพื่อคงความสดใหม่ โดยถุงเล็กที่มีราคาประมาณ 17 บาท คือ ปริมาณของงาขาวที่ผู้เขียนเลือกประจำค่ะ ซึ่งการเลือกงาขาวอย่างพิถีพิถันจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณผู้อ่านทำตามคำแนะนำข้างต้น ก็แน่นอนว่าคุณผู้อ่านจะได้งาขาวคุณภาพดีมาคั่วเองที่บ้านได้ค่ะ เพราะผู้เขียนเองก็ได้เลือกงาขาวยี่ห้อที่ไว้ได้ ที่จะดูสีของเมล็ดงา ความชื้น วันหมดอายุ วันผลิต มาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจด้วย ที่พบว่าทุกครั้งได้งาคุณภาพดีมาคั่วเพื่อทำอาหารชนิดต่างๆ ค่ะ ดังนั้นก็อย่าลืมนำเคล็ดลับดีๆ ในนี้ไปใช้กันนะคะทุกคน ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/PN7Z2m8L2LaM https://food.trueid.net/detail/3yGRmJzNEOmZ https://food.trueid.net/detail/kyllo4q562By หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !