บทเพลงลูกกรุงได้ถูกบรรเลงและขับขานโดยนักร้องเสียงนุ่มรุ่นเก๋าร่วมกับนักเปียโนมากฝีมือภายในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งที่เปิดต้อนรับเราอยู่ เหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเข้ามาในร้านเพื่อร่วมย้อนอดีตกลับไปยังสมัยเก่าที่แสนจะคลาสสิก และสำหรับบางท่านอาจจะได้ย้อนรำลึกถึงวันวานอันแสนหวานอีกด้วย และแน่นอนที่ผู้เขียนกำลังพูดถึงในวันนี้ก็คือ ร้านอาหารไทยที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงติดกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่ทุกท่านน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทั้งคนไทยและแขกบ้านแขกเมืองต้องมาเยี่ยมชมสักครั้งเมื่อมาเยือนเกาะรัตนโกสินทร์แห่งนี้ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศเราอีกด้วย ซึ่งร้าน “เมธาวลัย ศรแดง” แห่งนี้นั้นก็ได้ตั้งอยู่ในสถานที่ประวัติศาสตร์บนถนนราชดำเนินนี้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 ดูจากอายุอานามของร้านนี้แล้วเรียกได้ว่าอยู่คู่กรุงเทพมาอย่างยาวนาน อาจจะมากกว่าอายุของท่านผู้อ่านหลายท่านเสียด้วย ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนถึงคุณภาพที่มีมาอย่างสม่ำเสมอที่ทำให้ร้านสามารถอยู่มาได้จนทุกวันนี้ และที่สำคัญในปี พ.ศ. 2562 ร้านเมธาวลัย ศรแดง ยังได้รับการการันตีด้วยรางวัล 1 ดาวมิชลิน ซึ่งไม่ใช่ว่าจะได้กันมาง่าย ๆ เพราะต้องมีพร้อมในทุก ๆ ด้านทั้งรสชาติอาหาร บรรยากาศ และความคุ้มค่าในการต้องมาเยือนสักครั้ง โดยส่วนตัวผู้เขียนแล้วเป็นคนชอบทานอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม ซึ่งร้านนี้ค่อนข้างตอบโจทย์ด้วยความที่ทางร้านประณีตบรรจงใส่ใจในทุกจาน และคงไว้ด้วยคุณภาพความเป็นไทยแท้ที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน ส่วนรสชาตินั้นอร่อยถูกปากคนไทยอย่างแน่นอน และที่สำคัญวัตถุดิบก็คัดสรรมาแล้วว่ามีคุณภาพอีกด้วย มาถึงตรงนี้ ทุกท่านก็ได้รู้ประวัติความเป็นมาของร้านแล้ว ดังนั้นอย่ารอช้า เรามาเปิดประตูเข้าไปภายในกันเลยดีกว่า เมื่อเข้าไปถึงจะมีพนักงานชายหญิงแต่งกายด้วยชุดไทยมาคอยต้อนรับและดูแลเราตลอดการรับประทานอาหารเลยก็ว่าได้ เฟอร์นิเจอร์ก็เป็นแบบไทยประยุกต์ลายดอกไม้สวยงาม มีต้นไม้ใบหลากสีตั้งเด่นไว้กลางร้านดูแล้วสดชื่นดีไม่น้อย จานชามช้อนที่ใช้ล้วนมีสีทองเป็นส่วนประกอบ บรรยากาศโดยรวมเป็นแนวครอบครัวอบอุ่น มองออกไปนอกร้านผ่านกระจกจะเห็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งตระหง่านอยู่ เห็นวิถีชีวิตผู้คนภายนอก รถตุ๊ก ๆ ผ่านมานาน ๆ ครั้งช่วยเพิ่มบรรยากาศกรุงเทพในอดีตได้ไม่น้อย ‘เมื่อเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ แล้วใครจะอดใจไหว’ มาถึงช่วงสำคัญแล้ว นั่นก็คือ 9 เมนูแนะนำโดยผู้เขียน ที่มักจะสั่งบ่อย ๆ ท่านใดจะใช้เป็นแนวทางก็ยินดี อย่าชักช้า เรามาชิมทางสายตากันก่อนจะไปลองชิมจริง ๆ กันเลยดีกว่า 1. หมี่กรอบชาววัง อาหารเรียกน้ำย่อยสุดโปรดแสนอร่อย เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เข้ากันได้ดี รสชาติกลมกล่อม หอมส้มซ่า มีใส่กุ้งและหมูเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก เสิร์ฟมาในพานทรงสูงสวยงาม (130 บาท) 2. กระทงทอง ตัวกระทงรูปดอกไม้แสนบางกรอบ แต่อุดมไปด้วยไส้ที่เข้ากันได้ดีทานได้ในคำเดียว มีทั้งข้าวโพด มันฝรั่ง แห้ว และเนื้อกุ้งผสมผสานล้วนส่งเสริมรสชาติกันได้อย่างดี (130 บาท) 3. ฮ่อยจ๊อทอด เนื้อปูอัดแน่นหอมหวานชุ่มฉ่ำภายใต้ฟองเต้าหู้แสนกรอบร้อน ๆ จะจิ้มหรือไม่จิ้มน้ำจิ้มบ๊วยหวานก็อร่อยทั้งคู่ (280 บาท) 4. ยำส้มโอ ส้มโอหวานฉ่ำขนาดพอดีคำ คลุกเคล้าเครื่องยำและสมุนไพรต่าง ๆ เนื้อกุ้งใหญ่สดเด้งมาก ในจานมีฟักทองแกะสลักเป็นดอกไม้ให้มาด้วย ทานแล้วสดชื่นเสียจริงกับเมนูนี้ (200 บาท) 5. ผัดพริกขิงปลาดุกฟู เนื้อปลาดุกฟูกรอบ ๆ รสชาติของขิงและพริกช่างเข้มข้นมาก ๆ ทานกับใบกะเพราทอดกรอบ และไข่แดงเป็นชิ้น ๆ ทานเพลิน ๆ จนรู้ตัวอีกทีก็แทบจะหมดจานแล้ว (200 บาท) 6. ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย ปูนิ่มทอดได้กำลังดี หอมกระเทียมและพริกไทยสมชื่อ เนื้อปูนิ่มไม่แห้งแต่กลับชุ่มฉ่ำหวานนิด ๆ จิ้มซอสพริกหน่อย ๆ ลงตัวอย่าบอกใคร (320 บาท) 7. กุ้งหลน เสิร์ฟพร้อมผักแนมนานาชนิด ผักสด ๆ กรอบ ๆ จิ้มกับกุ้งหลนหวาน ๆ เค็ม ๆ เผ็ดไม่มากก็อร่อยไม่น้อยหน้าใคร (230 บาท) 8. ไข่เจียวเนื้อปู อาหารบ้าน ๆ ที่ทุกบ้านชอบทานกัน เพิ่มความพิเศษด้วยเนื้อปูสด ๆ หวาน ๆ ก็อร่อยไม่ธรรมดาเลย (320 บาท) 9. ปลาหมึกผัดกะปิ ปลาหมึกชิ้นโต เนื้อสดเด้งหนึบไม่เหนียว กะปิหอมกำลังดี ใส่ตะไคร้ดับคาวได้ลงตัว รสชาติจัดจ้านถึงใจแน่นอน (240 บาท) ข้อมูลติดต่อ : ร้านเปิดทุกวัน 10:30-22:00 น. โทร. 02-224-3088 รูปภาพอาหารทั้งหมดโดย : ผู้เขียน