กล้วยนาก เป็นกล้วยป่าที่กลายพันธุ์ ผลใหญ่ มีสีม่วงดำอมเขียว เมื่อห่ามจะออกม่วงแดง เมื่อสุกจะออกสีแดงส้ม วันนี้ดิฉันเลือกใช้กล้วยนากแบบ 'ห่าม' มาทำขนมค่ะ ดิฉันให้ชื่อเมนูนี้ว่า กล้วยนากคาราเมล การทำคล้ายกับการทำกล้วยบวชชี แต่เปลี่ยนวัตถุให้ความหวานจากน้ำตาลทรายธรรมดาเป็นน้ำตาลคาราเมล ขั้นตอนการทำง่ายมาก เพียงแค่เอาทุกอย่างลงหม้อแล้วต้มจนเดือด 5 นาที ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมทาน เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยค่ะ ส่วนประกอบ กล้วยนากแบบห่าม ผ่าครึ่งแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ จำนวน 2 ลูก กะทิกล่อง ขนาด 150 ml. น้ำตาลคาราเมล 1/2 ถ้วยตวง เกลือ 1/4 ช้อนชา ว่าด้วยเรื่องของน้ำตาลคาราเมล ดิฉันเลือกใช้น้ำตาลคาราเมลชนิดเกล็ด ยี่ห้อ วังขนาย ค่ะคุณ เป็นน้ำตาลคาราเมลที่หยิบมากินเล่นก็ได้ รสชาติหวานกลมกล่อม ไม่หวานจัดจนเกินไป สีออกน้ำตาลแดงสวย และมีกลิ่นหอมของคาราเมล ปกติดิฉันซื้อน้ำตาลชนิดนี้มาชงกาแฟกินค่ะคุณ ไม่ค่อยซื้อแบบที่เป็นไซรัปเท่าไหร่ ในส่วนของกะทิ ดิฉันใช้กะทิ ตรา ชาวเกาะ กล่องขนาดเล็กที่มีปริมาตรสุทธิ 150 ml. สาเหตุที่ใช้มิใช่ใดอื่น พ่อซื้อมาเป็นแพ็คเลยค่ะคุณ จึงคิดว่าหากจะหยิบมาใช้สัก 1 กล่อง คงมิเป็นไร ในส่วนของกล้วยนาก สาเหตุที่เลือกใช้แบบห่ามก็เพราะว่ามันไม่หวานเกินไป เมื่อต้มจนสุกรสชาติจะออกมัน ๆ เคี้ยวหนุบ ๆ ขั้นตอนการทำ 1.ใส่ทุกอย่างลงหม้อ ตั้งไฟอ่อนค่อนไปกลาง 2.เมื่อเดือดแล้วให้เคี่ยวต่อเป็นเวลา 5 นาที เพื่อให้กล้วยสุก และกะทิงวดลง จะเห็นได้ว่าเนื้อกล้วยมีความใสขึ้น 3.ปิดแก๊ส ตักใส่ถ้วย สีของกล้วยนากที่ได้มาจากการเคี่ยวกับน้ำตาลคาราเมลให้สีเหลืองสวยกว่าเดิม กะทิงวดข้นจนเป็นเนื้อคาราเมล รสชาติอร่อย หอม หวานมัน สมบูรณ์แบบมากค่ะ ด้วยตัวรสธรรมชาติของกล้วยนากที่จะคล้ายกับกล้วยหอม จึงให้ความรู้สึกคนละเรื่องกันกับกล้วยน้ำว้าโดยสิ้นเชิง หากถามว่ากล้วยชนิดไหนอร่อยกว่ากัน ดิฉันชอบกล้วยหอมอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงเทใจมาทางกล้วยนากมากกว่ากล้วยน้ำว้าค่ะคุณ และเมื่อเทียบระหว่างกล้วยคาราเมลสูตรนี้กับกล้วยบวชชีแล้ว ดิฉันขอบรรยายว่า รสชาติไม่เหมือนกันเลยค่ะ กล้วยคาราเมลสูตรนี้รสชาติจะคล้ายกับน้ำที่ใช้ราดกล้วยปิ้งค่ะคุณ จะข้น ๆ หอม ๆ มัน ๆ อย่างนั้นเลย เมนูนี้เป็นขนมหวานจากกล้วยนากที่ดิฉันภูมิใจนำเสนอมาก รสชาติและรสสัมผัสลงตัว ที่สำคัญคือทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน อยากให้คุณได้ลองทำทานกันดูสักครั้ง แล้วคุณจะติดใจแน่นอนค่ะสาวงามคอนเฟิร์ม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์แก่คุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย ไว้เจอกันบทความหน้า รักนะคะ บาย เครดิตภาพ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน)