สวัสดีวันเหงา ๆ เหงาเพราะว่างค่ะ ฮ่าๆๆ ว่างแล้วไปไหนกันดีน๊า ตังค์ในกระเป๋าก็ไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วย งั้นเราออกไปหากาแฟอร่อย ๆ ดื่มสักแก้วสองแก้วคงไม่เป็นไรเน๊าะ (: ดีกว่านอนเลื้อยเป็นงูเหลือมกินแหนมอยู่บนที่นอน ปลุกตัวเราให้ตื่นขึ้นมารับรสชาติอูมามิของวันใหม่อีกสักวันหนึ่งก็แล้วกัน วันว่างถนนก็ว่างค่ะ ว่างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยวิกฤตโควิด-19 ช้าอยู่ใย แว๊นไปกันเล้ยยยย... จาก ต.ป่าตอง เข้าตัวเมืองภูเก็ต ด้วยระยะทาง 15 กิโลเมตร หากสถานการณ์เป็นปกติ ขับรถไปใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่ปัจจุบันใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ดีเวอร์ จุดหมายคือร้านกาแฟชิค ๆ เก๋ ๆ ที่ไหนก็ได้ในตัวเมืองภูเก็ต เราไม่ได้เจาะจงเลือกร้านไหนเป็นพิเศษ เพราะในตัวเมืองภูเก็ต มีร้านกาแฟสวย ๆ เก๋ ๆ เยอะมาก แต่วันนี้เราตั้งใจจะเดินชมไปเรื่อย ๆ ค้นหาร้านที่ยังไม่เคยเข้าไปสัมผัสรสชาติของกาแฟ และเติมความรู้ใหม่ ๆ ให้ชีวิตมันมีรสชาติมากกว่าเมื่อวาน (: ถึงตัวเมืองภูเก็ต เราจอดรถไว้ริมถนนข้าง ๆ ร้านมือเยี่ยม ถ.เยาวราช ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับถนนถลางนั่นเองค่ะ จอดรถเสร็จเรียบร้อย ก็เดินชมถนนถลางไปเรื่อย ๆ รู้สึกแปลก ๆ ดีนะคะ ถนนถลางในยามที่ไม่มีผู้คน หรือนักท่องเที่ยวเหมือนเมื่อก่อน ถนนก็จะโล่ง ๆ ร้านค้าต่าง ๆ มากมาย ที่เคยเป็นสีสันของถนนถลางก็ปิดเยอะเลย มีเปิดบ้างประปราย พอให้เราชะโงกหน้าไปด้อม ๆ มอง ๆ ก่อนจะเดินผ่านไป ฮ่าๆๆๆ พอเดินไปถึงครึ่งทางของถนนถลาง สายตาก็ต้องกวาดไปมอง "ซอยรมณีย์" ทุกครั้ง ซึ่งเราเองก็แวะเข้าซอยนี้เป็นประจำเมื่อมีโอกาส เพื่อถ่ายรูป เพราะตึกเก่า ๆ ในซอยนี้ จะมีสีสันสวยงามและคลาสสิคมาก ๆ ด้วยศิลปะแบบชิโนโปรตุกีส ที่เป็นเอกลักษณ์ของ จ.ภูเก็ต ซึ่งเราจะสามารถพบเห็นได้ทั่วไปรอบเมือง และในซอยรมณีย์นี่เอง ที่มีตำนานเล่าขานมาว่า ในอดีตเคยเป็นสถานเริงรมย์ ที่มีหญิงงามจากมาเก๊า มาขายบริการอยู่ในซอยนี้ แต่ปัจจุบันได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นร้านค้าขายสุดคลาสสิค แนววินเทจ เก๋ ๆ มากมาย เชิญชวนให้ผู้คนที่หลงไหลในอดีต ได้แวะเข้ามาชมร่องรอยของอดีตที่หลงเหลืออยู่ เราเดินเข้าไปในซอยรมณีย์เรื่อย ๆ มองโน้น นี่ นั่น แวะถ่ายรูปหน้าบ้าน ร้านขายของฝาก เกสท์เฮาส์ฯลฯ พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร้านกาแฟร้านหนึ่ง ชื่อว่า ร้าน "Doubrew" บรรยากาศดูอบอุ่น โล่งสบาย ด้วยแสงไฟแบบวอมไวท์ มองไปภายในร้านก็เหมือนเพิ่งรีโนเวทตึกเก่าให้เป็นร้านกาแฟ (หรือเปล่าไม่แน่ใจ) เก๋ดีค่ะ งันเราเข้าไปข้างในกันดีกว่า ดูว่ามีกาแฟอะไรอร่อย ๆ น่าดื่มบ้าง เข้าไปในร้าน เราก็ตรงดิ่งไปดูเมนูที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางร้านพอดี มีตู้วางขนม เครื่องทำกาแฟและอุปกรณ์ต่าง ๆ มีบาร์ริสต้า 2 คน และปาติซิเย 1 คน พนักงานในร้านนั่นแหละค่ะ เราเรียกให้เก๋ ๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศของร้านกาแฟ ฮ่าๆๆ สั่งกาแฟเสร็จก็ไปนั่งรอที่โต๊ะ มีการเว้นระยะห่างในการนั่ง เพื่อป้องกันโควิด-19 ด้วยน่ะ เยี่ยมเลย เมนูโปรดของเราก็คงไม่พ้น คาปูชิโนเย็น ในราคา 70 บาท แต่วันนี้ก็ลองสั่ง พิโคโล่ลาเต้ มาลองอีกสักแก้ว ราคา 70 บาท เช่นกัน รสชาติคือดี ถ้าให้คะแนนก็ 8/10 ที่นี่มีเบเกอรี่ชีสเค้กให้เลือกมากมาย แต่วันนี้เราไม่ขอลองกินดีกว่า คอกาแฟค่ะ ไม่ชอบกินเค้ก แต่บอกเลย ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนชอบช็อกโกแลต Signature ของที่ร้านก็จะเป็น Ice Chocolate มีแบบร้อนด้วยนะ เป็นช็อกโกแลตสายเลือดไทย นำเข้าโกโก้จาก จ.นครศรีธรรมราช ที่มีรสชาติเฉพาะตัว อมเปรี้ยวเล็ก ๆ ละมุน ดื่มง่าย ทราบมาว่าทางร้านจะรับซื้อเมล็ดกาแฟไทย ที่ได้รับการรับรองจากเวทีประกวดเท่านั้น น้านนน... ไม่ธรรมดา ใครอยากสัมผัสรสชาติของกาแฟจากภาคใต้ แนะนำให้มาลองที่ร้านค่ะ ร้านตั้งอยู่ในซอยรมณีย์ ถ้าเดินเข้ามาจากถนนถลาง ร้านก็จะอยู่กลางซอยพอดีค่ะ ให้สังเกตร้านอยู่ด้านซ้ายมือ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 - 18.00 น. สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ทางไลน์ @767fvpyn (มี@นำหน้า) FB: Dou Brew Coffee & Craft หรือ โทรสั่งได้ที่หมายเลข 091-8252435 สำหรับใครที่หลงใหลแสงสีความสวยงามจากหลอดนีออน แนะนำให้มานั่งชิลในช่วงเย็น ๆ ตั้งแต่ 5 โมงเย็น เป็นต้นไป อย่าลืมเผื่อเวลาถ่ายรูปสวย ๆ บริเวณใกล้ ๆ ด้วยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก และทุกวันอาทิตย์ จะมีการปิดถนนถลาง เพื่อจัดงานย้อนอดีตให้มาเดิน ชม ช้อป ชิม กันอย่างจุใจ แต่ช่วงนี้อาจจะเหงาไปบ้าง ด้วยสถานการณ์ที่เรา ๆ ก็ทราบกันดีเนาะ เขียนโดย วลี บุญกรณ์ ภาพหน้าปก โดยผู้เขียน ภาพประกอบทั้งหมด โดยผู้เขียน