อาหารคือตำนานผ่านตาเห็น ส่วนชีวิตคือสิ่งเป็นที่จุดหมาย แม้ใบบอนเกิดในตมล้มแล้วคอน ล้วนแต่ผ่อนพลีกายให้กายโต ช่วยบำรุงร่างกายได้ไฟเบอร์ สุดแต่เธอ สุดแต่เรา สุดแต่จะทานเสียงหม้อของแม่เดือด แต่พอเดินไปดูทีไร ก็ยังไม่เป็น ทุกครั้งที่กลับบ้านเมื่อไหร่ที่แม่ทำอ่อมบอนจะทิ้งร่องรอยไว้ที่บริเวณผนังบ้าน แม่บอกทำอ่อมบอนรอนะ เราก็มองรอบหม้อของแม่ ในรัศมีไม่ไกล สีสันของอาหารกระเด็นไปตรงนั้นทีตรงนี้ ไร้ซึ่งการบังคับทิศทาง ไม่น่าไปใกล้ เพราะอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ แต่เราก็เข้าไปดู ตอนเด็กนั้นรู้ว่าตนเองเป็นคนที่เลือกทานอาหาร อย่าว่าแต่เด็กตอนโตก็เช่นกัน เลือกจนบางคนนั้นถามว่าตกลงในโลกนี้เรากินอะไร ซึ่งในโลกใบนี้กินอะไรไม่กี่อย่าง เพราะว่าจะเลือกทานแต่สิ่งที่เรานั้นเคยทาน อย่างอื่นที่ไม่เคยทานจะไม่ยอมแตะ ซึ่งอาหารนั้นมีหลากหลายอย่างที่เราทานจะเป็นอาหารฝีมือแม่ อาจจะเพราะมีความคุ้นเคยในรสชาติอาหาร จึงยอมทานแต่ไม่ใช่ทุกอย่าง การทานอาหารในตอนเด็กนั้นจะมีอาหารที่แม่ทำในแต่ละวัน สำหรับลูกแล้วจะทานอาหารที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็มีบางครั้งที่แอบชิมและทานร่วมกันกับพ่อแม่ สื่งที่แม่ชอบทำบ่อยที่สุด และเป็นอาหารที่ต้องใช้เวลานานที่สุด บางครั้งนั้นข้ามคืน แม่จะต้มในตอนกลางคืน ปรุงรสชาติในตอนเช้า เพราะว่ากว่าที่จะละลายและรสชาตินั้นหายไป เนื่องจากวัตถุดิบที่นำมานั้นมีความคันอยู่ ถ้าหากว่าทำไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้คนที่ทานเกิดอาหารคันได้ อาหารที่ทำจะต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ และรสชาติเองก็พิเศษตามไปด้วย ไม่มีอาหารที่ไหนเหมือนอาหารประเภทนี้ หน้าตาอาจจะไม่ดูดี ขั้นตอนในการทำอาจจะเยอะจนไม่มีใครอยากทำ สุดท้ายแล้วเราก็ต้องยอมเพราะว่าความอร่อยและไม่เหมือนเมนูอื่นภาพที่บอนกำลังเดือด รุนแรงแต่ยังไม่กระเด็น กระจายทั่วพื้นที่ใกล้เคียง เราอาจจะบอกว่านี่คือบอนที่มีสีเขียวใช่หรือไม่ นำมาทานได้จริงๆไหม ถ้าหากว่าคนที่ไม่เคยทำจะทำแล้วทานได้ไหม สิ่งนี้คงให้คำตอบไม่ได้ เพราะตั้งแต่รู้จักอ่อมบอนมานี้ ไม่เคยทานของคนอื่น นอกจากคนในครอบครัวทำ ก่อนอื่นเรามารู้จักวัตถุดิบก่อนขั้นตอนแรกในการทำอ่อมบอน คือ นำในส่วนยอดของใบบอนมาทำความสะอาด คัดเลือกในส่วนที่อ่อน บอนที่เรานำมาทำอาหารในครั้งนี้ คือบอนหวาน บอนที่นำมาประกอบอาหารนั้นจะมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกคือบอนหวาน แบบที่สองคือ บอนคัน วิธีการทำไม่อาหารไม่ได้มีความแตกต่างกัน แต่วันนี้ผู้เขียนจะมานำไปดูอ่อมบอนชนิดที่สองคือ บอนคัน การล้างนั้นจะต้องลอกส่วนของใย ที่ลำต้นของยอดบอนออกด้วยเพื่อให้ไม่ให้เกิดเป็นเส้นใย และถือเป็นการลอกยางที่คันออกไปด้วยการคัดเลือกบอนที่จะนำไปต้มนั้น สามารถสังเกตได้จากใบของบอน จะมีความเขียวอ่อน ตรงส่วนยอดของต้น ในการไปเก็บบอน บอนจะอยู่ในสระน้ำที่มีลักษณะไม่ลึกมากนัก และบอนในบางที่นั้นไม่ได้มีการปลูก จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของมันเอง จึงไม่มีสารเคมีหรือมีอะไรที่ต้องกลัว แต่เมื่อนำมาก็ต้องล้าง ทุกครั้งที่ทำในยางของบอนนั้นจะทำให้มือของเรามีสีแดง ซึ่งในตอนแรกนั้นจะล้างไม่ออก แต่ไม่นานก็จะหลุดออกเอง บอนถือว่าเป็นสิ่งที่หายาก เพราะส่วนมากแล้วเราปลูกจะไม่ค่อยได้ผล และในช่วงหน้าแล้งบอนก็จะเหลือแต่หัวไม่มีใบไม่มียอดมากนัก เพราะบอนชอบเกิดในที่ชุ่มชื่นและน้ำเพียงพอต้มจนกว่าจะเปื่อย ต้องใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง แต่ใช้ไฟไม่แรง ภาพด้านบนนั้นยังถือว่าบอนยังไม่เปื่อยเต็มที่ เราต้องคอยมองถ้าหากว่าฟองมากเกินไปอาจจะเทน้ำออกและต้มต่อ จนกว่าจะเปื่อยเต็มที่ การทำอาหารประเภทนี้จะต้องมีเวลาในการทำที่ยาวนานหน่อย เพราะถ้ามีเวลาไม่มากจะทำไม่เสร็จ บางครั้งในการทำอาจจะใช้เวลาถึงสองวันได้เช่นกัน แต่จะต้องมีการเก็บบอนโดยการนำใส่ในตู้เย็นเพื่อไม่ให้บูดหรือเสียเมื่อต้มได้ที่แล้ว จากที่น้ำครึ่งหม้อจะเหลือเพียงก้นหม้อไม่เยอะ ใส่ถั่วดำลงไปต้มด้วย ซึ่งในการต้มจะมีการเทน้ำออกและเติมน้ำเข้าต้มใหม่ เพื่อที่จะทำให้บอนนั้นอร่อย การต้มบอนได้ที่แล้วถ้าหากว่าเรานั้นยังเตรียมส่วนผสมยังไม่พร้อมสามารถที่จะปิดไฟไว้ก่อนได้ เพราะถ้าหากว่าเปิดไว้ตลอดอาจจะทำให้บอนนั้นเละจนเกินไปได้ เมื่อเตรียมเรียบร้อยแล้วค่อยเปิดไฟใหม่หลังจากต้มบอนเสร็จแล้ว ก็เริ่มที่จะเตรียมเครื่องปรุง เตรียมก่อนหน้านั้นได้ โดยการนำข้าวที่แช่น้ำไว้นำมาโขลกรวมกับตะไคร้ ในการใส่ข้าวเบือลงในหม้อนั้นจะทำให้อ่อมบอนมีความเหนียว เราจะต้องใช้ช้อนคนอยู่ตลอดเวลาเพื่อช่วยให้ไม่กระเด็นแรงจากความเดือดของอ่อมบอน อาจจะทำให้ร้อนกระเด็นใส่มือเราต้องต้องระวัง อาจจะมีฝาหม้อมาช่วยบัง ใบมะกรูดและตะไคร้ นำมาหั่นเพื่อที่จะผสมโขลกกันเข้ากับข้าวแช่ โขลกให้ละเอียดให้ความหอม ใบมะกรูดที่นำมานั้นในการใส่เราจะไม่ซอยเล็กๆ เราจะเด็ดใส่ใบใหญ่ๆ เลย เพราะจะให้ความหอมเฉยๆ แต่ถ้าหากว่าเรานั้นซอยใส่เล็กอาจจะทำให้เวลาที่เราทานนั้นได้เคี้ยวใบมะกรูดอาจทำให้ความอร่อยลดลงวิธีในการเลือกใบมะกรูดจะต้องเลือกใบมะกรูดที่มีความแก่ เพราะใบที่แก่จะให้ความหอมเต็มที่ นำใบย่านางนำมาขยี้และแช่น้ำ และขย้ำจนน้ำสีเขียวออก ขยี้จนเราได้ความเข้มตามต้องการ จากนั้นก็กรองน้ำเพื่อนำเศษของใบไม้ออก วิธีการทำในขั้นตอนนี้ เราสามารถที่จะใช้เครื่องปั่นได้ ถ้าหากว่าเรานั้นไม่สามารถที่จะมีเวลามานั่งคั้นขยี้จนความเขียวหลุด แต่การทำโดยวิธีขยี้มือจะทำให้น้ำของใบย่านางมีความเข้มมากกว่าการปั่นและกลิ่นหอม เราจะขยี้จนกว่าใบเขียวที่อยู่ในใบย่านางหลุดออก ได้น้ำใบย่านางที่เขียวเข้ม ในการเลือกใบย่านางก็จะต้องเลือกใบที่มีความแก่เต็มที่ เพราะจะให้ความเข้ม ถ้าเลือกใบอ่อนมาจะทำให้สีของน้ำไม่เข้มขอพูดถึงประโยชน์ของน้ำใบย่านางที่เรานำมาขยี้นั้น เมื่อเหลือเราสามารถที่จะเก็บไว้ในตู้เย็นนำมาผสมกับน้ำเปล่าทานได้เช่นกัน เพราะว่าให้ประโยชน์กับร่างกายในเรื่องของการขับสารพิษ และช่วยในเรื่องของผิวพรรณสุขภาพดี ลดน้ำหนักสำหรับคนที่น้ำหนักเกินได้ใบย่านางผสมกับข้าวคั่วและตะไคร้ จะได้น้ำข้นสีเขียวอ่อน เตรียมสำหรับนำไปเทใส่หม้อ น้ำส่วนผสมที่มีทั้งข้าวเบือ น้ำใบย่านาง ตะไคร้ผสมอยู่นี้ จะไม่ควรเทใส่รวดเดียว ต้องค่อยๆ ใส่ บางครั้งเราเตรียมไว้หนึ่งลิตร อาจจะต้องใส่ครึ่งหนึ่งเพราะว่าเราต้องดูความเข้มข้นของอ่อมบอนเราด้วย ถ้าน้ำเยอะเกินไปบอนน้อยอาจจะทำให้จางหรือน้ำเยอะเกินไปจนไม่อร่อย การคนให้เข้ากันนั้นจะทำให้ข้าวคั่วละลายเข้ากับน้ำใบย่านางจะกลายเป็นน้ำใสมีสีเขียวอ่อน มีตะไคร้ผสมเล็กน้อยหลังจากที่เตรียมแล้วเทใส่หม้อ ซึ่งในตอนนี้จะต้องคนหม้อ ตลอดเพราะถ้าหากหยุดคนจะทำให้หม้อนั้นไหม้ได้ ตอนนี้เราจะต้องใช้ไฟอ่อน สิ่งที่เราจะใส่เพื่อทำให้อ่อมบอนนั้นมีความเปรี้ยว เราจะใส่มะกอกสุข แต่จะใส่เพียงเม็ดของมันเท่านั้นเพื่อให้ได้ความหอม ในช่วงที่อ่อมบอนนั้นใส่ เครื่องปรุงไม่ว่าจะเป็นน้ำข้าวผสมกับน้ำใบย่านางลงไปนั้น จะทำให้เกิดความเข้มข้นความเหนียว ซึ่งจะทำให้บอนในหม้อนั้นกระเด็น ผู้ทำจะต้องระมัดระวังเพราะอาจจะกระเด็นใส่มือ ใส่หน้าทำให้เกิดแผลพุพองได้ ขั้นตอนสุดท้ายในการทำอ่อมบอน จะละเอียดซึ่งรสชาติในการ ทำอ่อมบอนนั้นจะมีความอร่อยกลมกล่อม มีรสชาติเผ็ดอร่อยพอดี สำหรับรสชาตินั้นอธิบายได้ยาก ต้องลองชิมเอง มีความเปรี้ยวของมะกอก มีความหวานของบอน มีความหอมของข้าวคั่ว มีความกลมกล่อมอย่างบอกไม่ถูก ดีที่สุดคือต้องลองชิม อ่อมบอนนั้นสามารถที่จะทานได้ร่วมกันกับแกงผัก หรือแจ่วบอง เป็นอาหารท้องถิ่นในภาคอีสาน ซึ่งแต่ละพื้นที่นั้นจะมีการทำที่ไม่เหมือนกันมากนัก แต่อาจจะมีรสชาติคล้ายกัน การทานอ่อมบอนนั้น เราไม่สามารถที่จะทานได้ตลอดเวลา เพราะบอนนั้นมีช่วงเวลาที่ทานได้กับไม่ได้ บอนหน้าฝน หน้าร้อน หรือหน้าหนาวจะรสชาติต่างกัน อ่อมบอนจึงถือเป็นอาหารที่หาทานได้ยาก และหาคนที่ทำอร่อยไม่ง่าย บางคนที่ไม่เคยทำอาจจะไม่รู้วิธีการในการที่จะทำให้บอนคันนั้นหายคันไม่ได้ เวลาทานอาจจะทำให้คันได้เช่นกัน ระยะเวลาในการทำก็ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่มีคนทำเพราะต้องเตรียมต้องหาบอนมา บางครั้งทำสองวัน หาบอนหนึ่งวันแช่น้ำไว้ลอกในออกต้มอีกชั่วโมงกว่า จนถึงขั้นตอนของการปรุงรสชาติ แต่เมื่อทำอ่อมบอนเสร็จแล้ว เวลาที่ทานกลับมีความสุขเพราะอร่อย ใช้ข้าวเหนียวร้อนๆ ตักทานอุ่นๆ อร่อยมาก ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !