วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของผู้คนในแต่ละพื้นที่ก็ย่อมจะมีความแตกต่างกันไป ซึ่งก็มักจะเป็นสิ่งที่แสดงความเป็นตัวตนของผู้คนในพื้นที่นั้น ๆ การรับประทานอาหารอย่าง ขนมจีน ก็มีรับประทานกันทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะนิยมรับประทานกันในตอนเย็น แต่มีบางพื้นที่ก็รับประทานกันในตอนเช้า หนึ่งในนั้นคือ จังหวัดพัทลุง หากใครเดินทางผ่านไปผ่านมาในจังหวัดพัทลุง ก็จะพบกับร้านขนมจีนอยู่ทั่วทุกมุมเมือง หรือทุก ๆ 1 กิโลเมตรก็ว่าได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดเป็นร้านเพิงเล็ก ๆ โดยเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ไปจนขายหมด ประมาณ 10 โมงเช้า เหตุที่ต้องเปิดตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะชาวจังหวัดพัทลุง ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำสวนยาง ซึ่งต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดออกไปกรีดยาง ทำงานเสร็จในช่วงเช้าก็จะนิยมมารับประทานขนมจีนเป็นอาหารหลักในตอนเช้า นอกจากผู้คนจะมารับประทานขนมจีนกันในตอนเช้าแล้ว ร้านเพิงเล็ก ๆ นี้ ยังเป็นที่พบปะของผู้คนของชาวบ้านในละแวกนั้นอีกด้วย ขนมจีนแบบฉบับชาวพัทลุง จะมีน้ำยา 2 แบบ คือ น้ำแกงเผ็ด และน้ำแกงยำ ในส่วนของ น้ำแกงเผ็ด จะทำด้วยเนื้อปลาขูดละเอียดผสมกับพริกแกงเผ็ด พริกแกงกะทิ และกะปิ หน้าตาจะเป็นน้ำแกงสีออกน้ำตาล เหลือง ๆ รสชาติจะออกเผ็ด ๆ จากพริกแกงใต้แท้ ๆ และมีความหวานจากเนื้อปลา ส่วนกลิ่นคือหอมมาก หอมพวกเครื่องเทศที่อยู่ในเครื่องแกงค่ะ แต่หากใครไม่ชอบเผ็ดมากก็เลือกตักน้ำใส ๆ รสชาติก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ ต่อไป คือ น้ำแกงยำ นำแกงยำทำมาจากกะทิ ถั่ว และส้มแขก รสชาติจะออกรสหวานจากตัวกะทิ ความมันจากถั่ว และเปรี้ยวนิด ๆ จากส้มแขกค่ะ อันนี้เหมาะสำหรับเด็ก ๆ หรือคนที่ไม่ชอบทานเผ็ดค่ะ สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการรับประทานขนมจีนนั่น คือ ผักเหนาะ ซึ่งเป็นผักเคียงแบบฉบับชาวใต้ มีทั้งผักสด อย่างใบหัวครก หรือที่ภาคกลางเรียกว่า ใบมะม่วงหิมพานต์ ยอดมะกอก ยอดหมุย และผักดองต่าง ๆ ค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ สำหรับวัฒนธรรมการรับประทานขนมจีนแบบฉบับชาวพัทลุง น่าทานใช่ไหมเอ่ย หากใครอยากลองทานต้องรีบมาทานกันตอนเช้าเท่านั้นนะคะ ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดโดย hippogribb