หลังกลับมาจากการปิดห้างและห้ามทานในร้าน พอมีมาตรการคลายล็อคดาวน์ให้นั่งทานในร้านได้ เหล่าผู้คนก็คงคิดถึงบุฟเฟ่ต์เป็นธรรมดาโดยเฉพาะชาบูอย่างร้าน Mo-Mo-Paradise ที่ฮิตมาอย่างนาวนาน แล้วยิ่งผู้คนอัดอั้นจากการนั่งทานอาหารภายในร้านก็คงคิดถึงบุฟเฟ่ต์ชาบูเป็นอันดับแรก วันนี้เราจะพาทุกคนมาย้อนความหลัง พร้อมบอกเล่าการกินจากประสบการณ์ตรงพร้อมบอกมาตรการที่เพิ่มเข้ามาเพื่อความปลอดภัย ใครที่อ่านบทความแล้วอยากไปกินจะได้สบายใจหายห่วงกันค่ะ เราคิดว่าคง ณ ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Mo-Mo Paradise แล้ว เพราะร้านนี้เค้าทั้งฮิตเป็นกระแสแถมด้วยรสชาติและวัตถุดิบคุณภาพขนาดนี้ก็คงจะถูกใจผู้บริโภคหลายๆคนเหมือนกับเราที่ชื่นชอบร้านนี้มากๆ ซึ่งสำหรับระดับความอร่อยนั้นต้องขอบอกว่าที่สุดของที่สุด เรียกได้ว่าเป็นชาบูร้านโปรดของเราที่ยังไม่มีร้านไหนมาล้มแชมป์ได้เลย เมื่อทุกคนได้ลองแล้วจะฟินมาก แค่ได้กลิ่นน้ำซุปหน้าร้านก็หอมเตะจมูกจนท้องร้องแล้ว สำหรับสายเนื้อต้องไม่พลาดเลย วิธีการกินของเราคือกินกับซุปน้ำดำของทางร้าน เป็นน้ำซุปสุดโปรดของเรา เข้ากันสุดๆ ซึ่งซุปน้ำดำก็จะจิ้มกับไข่ไก่สด เนื้อกับไข่คือ perfect match ที่น้ำจิ้มอื่นยังมาทดแทนไม่ได้ โดยเราจะจุ่มเนื้อทีละชิ้นเพื่อไม่ให้เนื้อสุกจนเกินไป แล้วค่อยกินเป็นคำๆ วิธีการกินนี้เป็นวิธีที่แนะนำเลย เพราะหากใส่ไปพร้อมกันแล้วเนื้อ overcook จะทำให้แข็งและไม่อร่อย อีกทั้งยังเหนียวอีกด้วย ส่วนเมนูที่ขาดไม่ได้ที่คนไปกินโมโม่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองคือการทำไข่ดองนั่นเอง เราแนะนำให้ทำตั้งแต่ได้โต๊ะเลยแล้วพักทิ้งไว้สักหนึ่งชั่วโมง ใส่โชยุ พริกและกระเทียมให้พร้อม เมื่อได้ที่แล้วนำมากินกับเนื้อนะ สุดแสนจะฟินเกินบรรยาย ละลายในปากมากๆ การจองคิวนั้นไม่ยากเลยทุกคนสามารถไปจองที่หน้าร้านได้หรือสามารถโทรไปจองตามเบอร์ของสาขาที่จะไปได้ โดยสามารถดูรายละเอียดเบอร์โทรได้ที่เพจของ Mo-Mo-Paradise (Thailand) ได้โดยตรงเลยค่ะ ถ้าใครเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเรื่องนี้ก็คงเคยได้ยินมาว่าเป็นร้านที่ต่อคิวค่อนข้างนาน มีสองชั่วโมงเป็นขั้นต่ำ (อาจจะถัวเวลากันไปตามช่วงพีคของแต่ละระยะเวลา) อย่างเราไปวันเสาร์-อาทิตย์ คนเลยค่อนข้างเยอะ แถมเราไปในช่วงเที่ยงๆอีกต่างหากจึงใช้เวลาประมาณเกือบสามชั่วโมง แต่ไม่ต้องห่วงไป ทุกคนสามารถไปเดินเล่นรอได้ เมื่อถึงคิวพนักงานก็จะโทรศัพท์มาแจ้งเอง สาขาที่เราไปใช้บริการคือสาขา Central World อยู่ชั้น 7 จะเป็นบุฟเฟ่ต์แบบ Gold ราคาจะแพงกว่าที่อื่นนั่นก็คือ 690++ บาท (812 net ) พวกเนื้อเราก็สั่งกับพนักงาน ซึ่งสิ่งที่แตกต่างจากสาขาอื่นนอกจากราคาแล้วก็คือเนื้อบางส่วนที่มีต่างกันและขนมหวานที่สาขา CTW จะเสริฟเป็นซอฟครีม สำหรับเรานั้นไปกินร้านที่ราคา 560+ บาท (616 net) นั้นคุ้มกว่า เพราะไม่ต่างกันมาก ถ้าไม่ขยับไประดับเนื้อวากิวราคา 1290++ บาท (1,519 net) เราแนะนำกินราคาธรรมดาไม่ต้องมา gold ก็ได้ คุณภาพพอๆกันเลย สิ่งที่ประทับใจในการกินชาบูโมโม่คือ พนักงานดูแลค่อนข้างดี และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยดีมากๆ อย่างพวกเนื้อเราก็สั่งกับพนักงานปกติ แต่อย่างพวกผักที่ปกติสามารถหยิบเองได้ ครั้งนี้เราต้องรออยู่หลังเส้นเหลืองและรอให้พนักงานหยิบให้ ส่วนน้ำก็นำแก้วมาให้พนักงานรินให้เช่นกัน และโต๊ะก็นั่งแบบโต๊ะเว้นโต๊ะ เรียกว่ากินได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลเลย สิ่งที่ทำให้ Mo Mo Paradise ฮิตอย่างต่อเนื่อง เวลาใครอยากกินบุฟเฟ่ต์ชาบูก็จะนึกถึงโมโม่เป็นอันดับแรก เราคิดว่าเพราะความอร่อยล้วนๆ ด้วยของที่มีคุณภาพตั้งแต่น้ำซุป วัตถุดิบต่างๆไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว หมู เป็ด ไก่ ผักต่างๆก็สดสะอาด อีกครั้งการบริการของพนักงานยังบริการได้ดีเยี่ยม เลยทำให้ที่นี่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของสายชาบูและสายเนื้อ อีกทั้งยังมีกระแสรีวิวลงเน็ตอย่างต่อเนื้องทำให้ใครๆก็อยากไปกินตาม อย่างที่เรียกว่าเห็นและหิวนั่นแหละ โดยเนื้อที่เราอยากจะแนะนำก็คือ USDA Prime Chuck Roll ซึ่งเป็นเนื้อที่มีมันแทรกค่อนข้างเยอะ ทำให้ละลายในปากมากๆ ยิ่งจิ้มกับไข่สดที่เราแนะนำไปตอนต้นนั้นเข้ากันสุดๆ ทำให้เนื้อหวานยิ่งกว่าเดิมสะอีก กินแล้วเหมือนขึ้นสวรรค์ตามชื่อร้านจริงๆ เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสำหรับ รีวิว Mo-Mo Paradise เราเชื่อว่าหลายๆคนที่ได้อ่านก็คงอยากจะไปกินชาบูโมโม่กันใช่ไหมล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าห้ามใจตัวเอง เรียกรวมตัวแก๊งค์เพื่อนหรือครอบครัวแล้วไปเช็คอินกันด่วนๆเลยค่ะ เราแนะนำให้รีบๆไปจองคิวนะคะจะได้ได้คิวไวๆค่ะ ไม่งั้นรอนานจนหายหิวเลยล่ะค่ะ แล้วไว้พบกันใหม่บทความหน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ เครดิตรูปหน้าปก : 1 จาก Creator : Lady Shakespeare เครดิตรูปประกอบ : 1 2 3 4 จาก Creator : Lady Shakespeare เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !