เพื่อนๆ คงเคยชิมผลไม้แปลกๆ กันมาบ้าง แต่มีใครเคยลอง “มะไฟกา” บ้างรึเปล่า? วันนี้เราจะขอเอาประสบการณ์ตรงมาเล่าให้ฟัง ช่วงนั้นเรากำลังเดินทางเที่ยวภาคใต้ ผ่านทางตรังในเขตเทือกเขาบรรทัด เห็นชาวบ้านนั่งชายผลไม้ชนิดหนึ่ง ลูกๆ สีแดงสดดกหนาต้น ดูแปลกตากว่าผลไม้ทั่วไปที่เคยเห็น สนใจเลยอยากจะลอง เราแวะถามชาวบ้านเขา เลยได้รู้ว่า “ลูกแดงๆ” นั้นเรียกว่า “มะไฟกา” เป็นผลไม้ป่าพื้นเมืองของป่าดิบชื้นภาคใต้ พบมากแถบจังหวัดตรัง พังงา นครศรีธรรมราช พัทลุง สตูล ต้นที่ออกดอกช่วงพฤษภาคม แล้วสุกราวสิงหาคม-กันยายน จะให้ผลผลิตปีละครั้งเท่านั้น แต่ปีนี้สุกเร็วหน่อย จุดเริ่มต้นของ “การผจญภัย” เจอมะไฟกา ทำให้เราสนุกกับการเรียนรู้วัฒนธรรมการกินพื้นบ้านของชาวใต้อย่างแท้จริง มะไฟกาจะมีผลดกเต็มต้น สีแดงจัด ติดตั้งแต่โคนจนถึงปลายกิ่ง ผลจะเรียงเป็นพวงๆ สวยงามมาก เวลาซื้อควรเลือกผลที่สุกแล้ว (สีแดงสด) เพราะรสชาติจะหวานอร่อยและไม่ฝาดเท่าผลดิบ ผลดิบสีจะอมส้มหรือเขียว ไม่แนะนำให้ซื้อ เพราะรสชาติจะเปรี้ยวจัดหรือมีรสฝาด วิธีรับประทานง่ายมาก แกะเปลือกออก จะเห็นเนื้อสีขาวฉ่ำน้ำห่อเมล็ดคล้ายกับมะไฟ แต่เนื้อละเอียดกว่า กลิ่นหอม รสชาติส่วนใหญ่จะออกเปรี้ยวนำ แต่มีหวานแทรก บางต้นที่รสดี หายากหน่อย จะหวานนำ แบบนี้อร่อยสุดๆ เราซื้อมะไฟกากลับมาที่พัก แกะกินสดๆ เป็นคำแรก ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสเนื้อ คือรสเปรี้ยวนำ มีหวานแว๊บๆ ตามมา ความฉ่ำ การกินมะไฟกาเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากกินผลไม้ทั่วไป ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ผลไม้ป่าแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์จริงๆ เช่น ต้นมะไฟกาจะมีต้นตัวผู้และตัวเมีย ต้นตัวผู้มีแต่ใบและดอก ไม่มีผล ส่วนต้นตัวเมียจะติดดอกติดผลให้กินได้ มะไฟกาเป็นมากกว่าแค่ผลไม้กินเล่น คนใต้รุ่นใหม่หลายคนไม่รู้จักมะไฟกาแล้ว เพราะหาซื้อยาก เก็บได้เฉพาะฤดูกาลและพื้นที่ป่าเขาเท่านั้น บางรีสอร์ทในภาคใต้ปลูกพืชป่าเหล่านี้ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และเก็บกินฟรี ส่วนหนึ่งเพื่อการอนุรักษ์ ให้คนรุ่นหลังได้รู้จักรสชาติพื้นบ้านที่แท้จริง ชาวบ้านหลายคนนิยมปลูกมะไฟกาไว้ในสวนหลังบ้าน เพื่อเก็บกินเองและแบ่งปันในชุมชน เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความประทับใจหลังจากลองชิม สิ่งแรกที่รู้สึกคือความแปลกใหม่ที่แตกต่างจากผลไม้ในเมืองเลย กลิ่นหอมเปรี้ยว สีแดงสวย ชวนให้อยากสัมผัสทั้งลิ้นและสายตา ทุกคำที่กัดจะรู้สึกถึงความสดของป่าเขา ที่สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการกินของคนใต้ที่ยังคงรักษาไว้ แม้ว่ามะไฟกาจะไม่ได้หอมหวานเท่าส้มหรือมังคุดในตลาด แต่ทำให้นึกถึงรสชาติของความหลากหลาย ความเรียบง่าย และความห่อเหี่ยวหากสูญพันธุ์ในอนาคต การไปเที่ยวภาคใต้ ไม่ใช่แค่กินขนมเบื้องยวนและหมูสะเต๊ะเท่านั้น แต่คือการได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ให้หันกลับไปสนใจพืชพรรณและผลไม้พื้นบ้าน ซึ่งกำลังจะเลือนหายจากความทรงจำของคนรุ่นใหม่ ทุกครั้งที่กินมะไฟกา จึงไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติ แต่คือการเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับธรรมชาติ วัฒนธรรม และชุมชนที่อยู่กับป่ามานาน ดังนั้น มะไฟกา ไม่ใช่แค่ผลไม้ป่า แต่เป็นประสบการณ์กินอาหารท้องถิ่นภาคใต้ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในยุคนี้ แล้วยังช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นให้คงอยู่กับคนรุ่นหลัง ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !