สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับบทความแนวอาหาร วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำเมนูพิเศษอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ แกงป่าเนื้อหมู หลายท่านน่าจะเคยรับประทานมาบ้างแล้ว เรื่องรสชาตินั้นเผ็ดร้อนจัดจ้านถึงใจเลยค่ะ แกงป่าเป็นแกงที่ใส่เครื่องเทศลงไปเพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมูป่า เนื้อกวาง เนื้อกระต่าย เป็นต้น สัตว์เหล่านี้จะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อนำมาประกอบอาหารจึงต้องใส่เครื่องเทศและสมุนไพรลงไป จึงทำให้แกงป่าเป็นที่รู้จักและนิยมกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน อร่อยกลมกล่อม จนหลาย ๆ ท่านลืมไม่ลงเลยทีเดียว วันนี้ผู้เขียนก็ไม่ลืมที่จะนำเอาสูตรและวิธีการทำมาฝากด้วย เชิญติดตามได้เลยค่ะ

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม

1. เนื้อหมู 3 ขีด

2. หยวกกล้วย 1 ขีด

3. มะเขือเปราะ 2 ขีด

4. ฟักทอง 2 ขีด

5. ใบกะเพรา 1 กำมือ

6. ใบมะกรูด 3 ใบ

7. พริกกะเหรี่ยงสด 6 เม็ด

ส่วนผสมของน้ำพริกแกง

1. พริกแห้งแช่น้ำ 20 เม็ด

2. กระเทียม 10 กลีบ

3. หอมแดง 5 หัว

4. ตะไคร้ 1 ต้น

5. ข่า 1 แว่น

6. กระชาย 2 หัว

7. ปลาร้า ½ ช้อนโต๊ะ

8. ผงปรุงรส ½ ช้อนชา

9. เกลือ 1 ช้อนชา

ขั้นตอนและวิธีการทำ

1. นำเนื้อหมูมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นพอดี ผักและสมุนไพรอื่น ๆ นำมาหั่น ส่วนใบกะเพราก็เด็ดให้เรียบร้อยแล้วพักเอาไว้ก่อน

2. นำเอาพริกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มใส่ลงในครก เติมเกลือ ผงปรุงรส ข่า ตะไคร้ซอย ข่าซอย กระเทียมไทย หอมแดง กระชาย โขลกให้ละเอียดเข้ากันดีจึงใส่ปลาร้าสับละเอียดลงไป โขลกให้เข้ากันอีกหนึ่งรอบ

3. เทน้ำสะอาดใส่ลงในหม้อเปิดไฟจากนั้นจึงตักน้ำพริกที่โขลกไว้ลงไปในหม้อปิดฝาหม้อรอจนกว่าน้ำเดือด จึงใส่เนื้อหมูและฟักทองลงไป คนให้ทั่วแล้วปิดฝาหม้อเพื่อให้น้ำแกงระอุช่วยให้เนื้อหมูและฟักทองสุกเร็วขึ้น

4. เมื่อเนื้อหมูและฟักทองสุกได้ที่จึงใส่มะเขือเปราะและหยวกกล้วยที่ซอยล้างเตรียมไว้ลงไป รอจนกว่ามะเขือสุกจึงใส่ใบมะกรูด ปิดเตาไฟแล้วยกลง ใส่ใบกะเพราคนให้ทั่ว จึงตักใส่ถ้วยพร้อมรับประทานแล้วค่ะ

เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะกับเมนูเด็ดแกงป่าเนื้อหมู รับรองว่าเมนูนี้รสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อนอย่างแน่นอน ด้วยน้ำพริกแกงก็มีรสเผ็ด ยังมีพริกกะเหรี่ยงสด (ลูกโดด) ใส่ลงไปในเมนู ช่วยให้เมนูนี้สมกับเป็นแกงป่าจริง ๆ เลย ส่วนวัตถุดิบเราสามารถประยุกต์ใส่ผักที่เรามีในตู้เย็นได้เลยค่ะ ในวันหยุดนี้อย่าลืมแวะตลาดหาซื้อวัตถุดิบมาลองทำกันนะคะ

ภาพประกอบบทความโดย ผู้เขียน