ถ้าพูดถึงอาหารปักษ์ใต้ บ้านเรา มีหลากหลายเมนูมาก ๆ ที่ขึ้นชื่อ และ เป็นที่ถูกปาก ถูกใจ ของหลาย ๆ คน เช่น แกงไตปลา แกงน้ำเคย คั่วกลิ้ง ผัดสะตอ เป็นต้น ยังไม่หมดนะครับยังมีอีกเมนูยอดฮิตประจำภาคใต้บ้านเรา นั่นก็คือ "แกงส้ม" หรือ ใครจะเรียกแกงเหลืองก็แล้วแต่ เมนูของแกงส้มนี้สามารถนำมาทำได้กับหลากหลายวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็น แกงส้มปลา แกงส้มหมู แกงส้มกุ้ง แกงส้มมะรุม แกงส้มหน่อไม้ดอง แกงส้มตะลิงปลิง เยอะแยะมากมายหลากหลายเมนู จากที่ผู้เขียนเกริ่นมาผู้อ่านพอที่จะเดาได้ไหมครับว่า ผู้เขียนจะเขียนเกี่ยวกับเมนูอะไรในวันนี้ เฉลยเลยดีกว่า ผู้เขียนจะมาทำเมนูแกงส้มกระดูกหมูให้น้ำลายไหลกันครับ ผู้เขียนขอตั้งชื่อเมนูหัวข้อเรื่องแบบภาษาปักษ์ใต้ละกันนะครับว่า "แกงส้มดูกหมูง่าย ๆ สไตล์ปักษ์ใต้บ้านเรา" จะได้เข้ากันสักหน่อย ช่วงนี้รู้สึกว่าเริ่มจะคล่องในการทำอาหารแล้วละครับ นับตั้งแต่โดนกักตัวมานี้ ออกไปไหนลำบาก กับข้าว กับปลาก็มีถูกปากน้อยลง ก็เลยขอรังสรรค์เมนูรสจัดจ้าน สักเมนูก็แล้วกัน มาดูว่าส่วนประกอบที่ผู้เขียนใช้ทำแกงส้มในวันนี้ มีอะไรบ้าง ส่วนประกอบเมนูแกงส้มกระดูกหมูแบบง่าย ๆ มีดังนี้ครับ 1.กระดูกหมู 2.ผักกวางตุ้ง 3.เครื่องแกงส้ม/กะปิ 4.มะนาว 5.น้ำปลา เมนูนี้ วันนี้ผู้เขียนทำแต่พอกิน ไม่ได้แบ่งน้อง ๆ ที่หอ เนื่องจากวัตถุดิบที่มีน้อยเกินไป เดี๋ยวรอบหน้าค่อยทำให้ทั่วถึงกันนะครับน้อง ๆ งวดนี้ขอรื้อฟื้นฝีมือในการทำแกงส้มกลับขึ้นมาก่อนนะครับ ห่างหายจากการทำเมนูนี้มานานมากแล้วจริง ๆ ไม่กล้าให้ใครชิมนั่นเอง เรื่องของเรื่อง งั้นเรามาดูขั้นตอนในการทำกันครับ ว่าจะง่ายแสนง่ายขนาดไหน ขั้นตอนที่ 1 ล้างกระดูกหมูให้สะอาด ด้วยน้ำเกลือ เพื่อขจัดกลิ่น แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ใส่ชามพักไว้ ขั้นตอนที่ 2 ล้างผักกวางตุ้งที่ซื้อมาให้สะอาด ด้วยน้ำเกลือเช่นกัน อันนี้เป็นเคล็ดลับของผู้เขียนเอง เผื่อว่ามี ไข่แมลง หรือไข่พยาธิเกาะอยู่ บางครั้งบางทีเราก็มองด้วยตาเปล่าของเราไม่เห็น ล้างเสร็จแล้วให้นำมาหั่นเป็นชิ้น อย่าหั่นชิ้นเล็กเกินไปนะครับ เพราะเวลาใส่ลงไปแล้วผักจะเปื่อยและหดจนเหลือนิดเดียว เดี๋ยวผู้เขียนมีวิธีการไม่ให้มันเปื่อยมากนักมาฝากขั้นตอนสุดท้ายครับ ขั้นตอนที่ 3 เตรียมเครื่องแกง วันนี้ผู้เขียนได้เครื่องแกงส้มอย่างดีจากตลาด เจ้านี้ผู้เขียนมักจะซื้อประจำ เพราะสะอาด และมีหลายอย่าง อร่อยด้วยเวลาเอามาปรุงอาหาร อีกอย่างที่ต้องเตรียม คือ กะปิแกงอย่างดี ปกติแล้วเกือบทุกเมนูของอาหารปักษ์ใต้บ้านเราจะใส่กะปิลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของน้ำแกงและความหอมอร่อย ขั้นตอนที่ 4 เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ใส่น้ำลงหม้อ เสียบปลั๊ก ผู้เขียนใช้หม้อหุงข้าวทำแกง ไม่ต้องสงสัย เลยว่าทำไมถึงต้องเสียบปลั๊ก ที่หอมีอะไรให้ใช้ได้เท่านี้ครับ ทั้งหุง ทั้งต้ม ทั้งทอด ทั้งแกง ก้ด้วยหม้อนี่ละครับ ใช้จนคุ้มเลยทีเดียว โม้เพลิน เมื่อน้ำเดือดใส่กระดุกหมูลงไป ใส่เครื่องแกงกับกะปิตามลงไปได้เลย ต้มไปสักพักเพื่อให้กระดุกหมูเปื่อย แล้วค่อยปรุงรส ด้วยมะนาวและน้ำปลา เมื่อชิมจนได้รสชาติที่ต้องการแล้ว ค่อยใส่ผักกวางตุ้งลงไป จะปิดไฟเลยก็ได้นะครับ ยังไงน้ำแกงที่ยังร้อน ก็ทำให้ผักสุกได้ง่าย ๆ ไม่เปื่อยจนเกินไปแน่นอน เพียงเท่านี้เราก้ได้แกงส้มกระดูกหมูแล้วครับ พออิ่มไปได้มื้อหนึ่ง ขั้นตอนที่ 5 ตักใส่จานได้เลยครับ มีเมนูแถมอีกจานคือ ผัดไข่เจียวใส่หมูสับ กินแกงส้มจะให้อร่อยต้องมีของทอด เช่น ปลาทอด หมูทอด เนื้อทอด เป็นต้น จะเข้ากันมาก ๆ ถ้าจะให้ดีคือ ผักสารพัดผักด้วยแล้ว มื้อนั้นจะเป็นมื้อที่อร่อยแทบไม่ต้องล้างจานเลยก็ว่าได้ ได้เวลาชิมแล้วครับ ด้วยความที่ผู้เขียนต้มกระดูกหมูนาน เพื่ออยากให้กระดูกกับเนื้อหลุดออกจากกันเวลากิน ผู้เขียนตักเนื้อหมูที่หลุดจากกระดูกเข้าปากรสชาติของเนื้อหมูกับน้ำแกงที่เข้าไปในเนื้อหมู ฉ่ำ เข้มข้น อร่อยครับ ยิ่งกินกับข้าวสวยร้อน ๆ แถมมีไข่เจียวตามด้วยแล้ว ต้องยกนิ้วให้(ตัวเอง) แล้วละครับงานนี้ เพราะทำเองกินเอง ไม่แบ่งใคร สรุปว่ารสชาติ หน้าตา ผ่าน ใช้ได้ ขาดแต่ผักเท่านั้นที่ไม่มี แบบนี้เรียกว่า ฝีมือยังคงเดิม ลองเอาไปทำกินดูนะครับ ใส่ได้สารพัดผัก หรือไม่กินหมู ก็เปลี่ยนมาใส่ปลา ใส่กุ้ง ใส่เนื้อ แทนก็ได้ครับ อร่อยเหมือนกัน สรุปเมนูนี้ คะแนนเต็ม 10 ให้ 10 เต็มครับ ทำเอง กินเอง ให้คะแนนเอง คุ้มกับการที่กลับมารื้อฟื้นฝีมือใหม่อีกรอบ สิ่งที่สำคัญของแกงส้มคือ เครื่องแกงส้ม หากเครื่องแกงไม่อร่อยก็จบเลยครับ ฉะนั้น ในแต่ละตลาดเครื่องแกงส้มแต่ละคนทำไม่เหมือนกัน ต้องหาที่เราชอบ ที่เราถูกใจที่สุดนะครับ แล้วทุกอย่างก็จะอร่อยเอง ที่เหลืออยู่ที่ฝีมือในการปรุงของเราเท่านั้น หรือใครจะใช้เครื่องปรุงที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 มีหลายยี่ห้อ ผู้เขียนเคยซื้อมาลองทำดูแล้วก็ได้รสชาติอีกแบบหนึ่งนะครับ อร่อยคนละแบบครับ แต่ถ้าให้คะแนน ผู้เขียนชอบเครื่องแกงที่ทำกับมือจะอร่อยกว่า สดกว่า ครับ บทความนี้หากทำให้ผู้อ่านอ่านไปน้ำลายไหลไป ผู้เขียนก็ขออภัยนะครับ สัญญาว่าบทความหน้าจะหามายั่วให้น้ำลายไหลเป็นการไถ่โทษอีกนะครับ ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน