“ถ่ายรูป จะมาเช่าอยู่กันเหรอ” เสียงทักของคุณยายท่านหนึ่งวัยประมาณ 80 เศษ ทักทายฉันกับเพื่อนที่กำลังถ่ายภาพห้องแถวเก่าและประตูไม้ เป็นสิ่งที่เราสองคนบันทึกเวลากับความทรงจำ เพราะนับวันประตูไม้สมัยก่อนยิ่งทยอยผุกร่อนพัง เราหันมายิ้มกับคุณยาย “ไม่ใช่ค่ะ พวกหนูมาจากกรุงเทพฯ (จริง ๆ อยากใช้คำว่า “พระนคร” เพื่อให้สอดรับกับวัยของคุณยาย) นั่งรถตู้เพื่อมากินขนมกัญญาที่บ้านโป่ง” หลังสิ้นสุดคำตอบ คุณยายเล่าถึงสัมพันธภาพที่ผูกพันกันมายาวนานระหว่างครอบครัวคุณยายกับ “ขนมกัญญา” ขนมไทยคู่ชุมชนบ้านโป่ง “ขนมกัญญา บ้านฉันกินมาสามรุ่นแล้ว รุ่นฉัน รุ่นลูก รุ่นหลาน หลาน ๆ จะกลับกรุงเทพฯ หรือจะมาเยี่ยมบ้าน ต้องโทรมาสั่งให้ซื้อไว้ให้กิน ขากลับก็ซื้อกลับไปกินที่กรุงเทพฯ ด้วย ที่บ้านกินขนมร้านนี้มาตลอด” บทสนทนาระหว่างทาง เราเดินไปร้านขนมกัญญาที่อยู่ในชุมชนตลาดบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ฉันกับเพื่อนไปถึงค่อนข้างเช้า ทางร้านทยอยนำขนมที่เพิ่งนำใส่รถขนมของบ้านกัญญามาส่งที่ร้าน แน่นอนว่าทุกคนที่เข้าไปซื้อขนมต้องได้รับความสดใหม่ ฉันชอบกลิ่นหอมของดอกมะลิที่ลอยมาพร้อมกับขนมขี้หนู ขนมโบราณที่หากินยาก ความละเอียดของขี้หนูสีสวยหวาน เวลากินต้องปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ กินกับมะพร้าวอ่อน เข้ากันหอมมัน ราคากิโลกรัมละ 150 บาท กล่องใหญ่ราคา 60 บาทได้ 4 ขีด กล่องเล็ก 30 บาท และแบบถุงสำหรับกินขนาดย่อม ๆ 10 บาทซึ่งเมื่อเทียบกับขั้นตอนการทำที่ละเอียดลออ ทำให้ฉันเข้าถึงความประณีตของขนมขี้หนูในราคาย่อม ไม่ต้องปีนบันไดกินแต่อย่างใด เพื่ออรรถรสในการกินขนมกัญญาซึ่งครั้งนี้ไปกินถึงที่เป็นคำรบที่ 2 ฉันจึงต้องวางแผนการกินอย่างรอบคอบ การเลือกออกเดินทางแต่เช้าจากกรุงเทพฯ ไปบ้านโป่ง เพื่อจะซื้อขนมที่ร้านกินได้สองเวลาคือตอนสายกับตอนบ่ายและก่อนกลับก็ซื้อกลับมาใส่ตู้เย็นไว้อุ่นกินได้อีกหลายวัน การได้กินขนมที่มีความประณีตในขั้นตอนการทำ ความใส่ใจต่อสูตรดั้งเดิมของร้าน งานขนมของร้านเอาตามความรู้สึกคือเป็นงานแฮนด์เมดระดับพรีเมี่ยม ราคาสำหรับคนในชุมชนเข้าถึงได้ ขนมกัญญาให้มิติของขนมไทยต่างจากที่เคยกินมา ฉันกับเพื่อนเคยไปรอบแรกถึงกับอุทานว่า “โอ้โห ลืมทุกมิติการกินขนมไทยที่เคยกินมา รสชาติลงตัว ไม่หวานแหลม กลมกล่อม” ดังนั้น จึงวางแผนการซื้อกินปริมาณน้อยแบบกินทันทีก่อน ขนมอีกอย่างที่ไม่เคยกินและได้กินจากร้านนี้คือขนมหน่อไม้ 3 อัน 20 บาท มีความพิเศษตรงที่เป็นขนมเฉพาะฤดูฝน ส่วนขนมกล้วยมีให้ตลอดปีราคาเท่ากับขนมหน่อไม้ ส่วนขนมถ้วยแบบใส่ถาดกล่องละ 40 บาท ส่วนใครชื่นชอบข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา หน้าปลา หน้ากุ้ง ถ้วยละ 30 บาท สายวุ้นก็มีวุ้นใบเตย กาแฟ และน้ำแดงเฮลล์บลูบอย กล่องละ 40 กินไม่เยอะเอาแบบถุงราคา 10 บาท วุ้นเด้งดุ๊กดิ๊กในปากอร่อยหอม วันที่ฉันไปมีรายการขนมเฉพาะวันพุธและวันอาทิตย์นั่นคือขนมเปียกปูนที่หากินยากพอสมควรตามตลาดทั่วไปกล่อง 8 ชิ้น 20 บาท กล่องใหญ่ 40 บาท ยังมีขนมอื่นอีก เช่น หมี่กรอบ ขนมตาล ข้าวเหนียวแก้ว ตระกูลทองต่าง ๆ อาทิ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมต้ม (อร่อยมาก) สาคูไส้หมูก็อร่อยไส้แน่นตัวสาคูที่ห่อหุ้มไม่เละไม่แฉะ ขนมเทียน-ขนมเข่ง บ๊ะจ่างก็แสนอร่อยไส้เยอะ ทราบจากลูกสาวของขนมกัญญาว่าลอดช่องแก้วของร้านทำจากแป้งสลิ่มกดเป็นตัวลอดช่องน้ำกะทิแบบสลิ่มอบควันเทียน ฉันรับรู้เรื่องความใส่ใจทุกขั้นตอนการทำขนมที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นว่าตั้งแต่รุ่นคุณยายจู สู่แม่กัญญาที่ทำขนมกับคุณแม่มาตั้งแต่อายุประมาณ 10-11 ปี ปัจจุบันแม่กัญญายังลงมือทำขนมบางอย่างเองและกำกับดูแลลูกมือในการทำขนม หลานสาวคุณยายจูและลูกสาวของแม่กัญญาเล่าให้ฉันฟังว่า สมัยก่อนคุณยายของเธอใส่ใจต่อการไปหาวัตถุดิบในการทำขนมถึงเพชรบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ส่วนลูกค้าหลักของขนมกัญญาเป็นเพื่อนบ้านในชุมชนบ้านโป่ง ชาวเมืองนครปฐม กาญจนบุรี กรุงเทพฯ ขนมกัญญาไม่มีสาขาเรื่องนี้สำหรับฉันมีความเห็นว่าเป็นเรื่องลึกซึ้ง สะท้อนการเป็นส่วนหนึ่ง-ของความผูกพันกับพื้นที่ การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การยืนยันอยู่คู่กับเพื่อนบ้านในชุมชนบ้านโป่ง เป็นความภาคภูมิใจของการไม่มีสาขา และยืนยันตัวตนที่น่าชื่นชม ของดีบ้านโป่งก็ต้องอยู่บ้านโป่ง ทำให้ฉันรู้สึกว่าชาวบ้านโป่งหลายคนคงรู้สึกมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของขนมกัญญาในแง่อัตลักษณ์หนึ่งของชุมชน อยู่กับความทรงจำและเวลาของที่นี่ ไม่หนีไปไหน ไม่ใช่ขนมสะดวกซื้อที่มีสาขาไปทั่วประเทศ การไปบ้านโป่งจึงเป็นความท้าทายเล็ก ๆ สำหรับฉันกับเพื่อน เป็นความตั้งใจเล็ก ๆ ที่ต้องเดินทางไปกินขนมอร่อย และหากมีโอกาสไปอีกครั้งหรือครั้งต่อ ๆ ไป ก็อยากคุยมากกว่านี้ในแง่ประวัติของขนมกัญญาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อการเชื่อมถึงกันระหว่างชุมชน ผู้คน กับขนมกัญญา Photo and Story by Nonglak Butler