เมื่อมีเพื่อนชาวต่างชาติมาเยี่ยมเยือนถึงเมืองไทยทั้งที ผมจึงตั้งใจจะเป็นทั้งเจ้าบ้านและเจ้ามือที่ดี พาไปเลี้ยงอาหารมื้อแรกที่สร้างความประทับใจเมื่อแรกถึงเมืองไทยให้มากที่สุด จึงเสาะแสวงหาร้านอาหารดี ๆ อร่อย ๆ มีความเรียบหรู อยู่ใจกลางกรุงเทพ เดินทางสะดวก และที่สำคัญคือ ต้องราคาไม่แพง ! จนได้มาเจอกับร้านอาหารแห่งหนึ่งบนชั้น 5 ของเซ็นทรัลเอมบาสซี ชื่อร้าน Audrey Cafe Glamour (ออเดรย์คาเฟ่แกลมเมอร์) ซึ่งตอบโจทย์ทุกอย่างที่ผมมี ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เนื่องจากวันที่ไปรับประทานเป็นช่วงบ่ายวันหยุดกลัวโต๊ะเต็ม จึงได้โทรไปจองโต๊ะกับทางร้านไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน พอไปถึงก็แจ้งชื่อที่จองไว้ พนักงานพูดจาไพเพาะพาไปนั่งที่โต๊ะด้วยกิริยาสุภาพเรียบร้อย ซึ่งโต๊ะที่นั่งก็ค่อนข้างเป็นสัดส่วน มีความเป็นส่วนตัว แถมวิวดีไปอีก ไม่พูดพร่ำทำเพลงเพราะความหิว ผมกับเพื่อนที่เพิ่งลงจากเครื่องมาจึงขอเมนูและสั่งอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งสามารถสั่งได้เรื่อย ๆ ทุกเมนู ทานไปคุยไป ยิ่งสร้างความสุนทรีให้กับมื้ออาหารเข้าไปอีก ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ซึ่งเมนูที่จะขอนำเสนอในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่อยู่อยู่ในรายการแนะนำของทางร้าน และเป็นเมนูที่ผมได้ลองรับประทานแล้วถือว่า "รสตรึงใจ" ซึ่งมีด้วยกัน 6 เมนู ด้วยกัน เริ่มจากเมนูแรกที่ยกมาเสริฟคือ Crab Souffle served with Lobster Brandy Sauce หรือซูเฟิลเนื้อปู เสิร์ฟกับซอสลอปสเตอร์บรั่นดี ซึ่งภายใต้ความฟูฟ่องนี้ น่าจะมีส่วนผสมของไข่อยู่ด้วย พอเริ่มใช้ช้อนแหวกเพื่อเข้าไปดูข้างใน ก็เห็นซุปเข้มข้นดูน่าทานซ่อนตัวอยู่ ซึ่งมีเนื้อปูแทรกอยู่ด้านในด้วย โดยรวมรสชาติมีความมัน เข้มข้นเต็มเนื้อปู เมื่อทาบพร้อมกับไข่ฟูฟ่องราดด้วยน้ำซอสลอปสเตอร์บรั่นดี คืออร่อยมากครับ ไม่เลี่ยน แนะนำเลย ซึ่งพอสังเกตไปรอบ ๆ ร้าน แอบเห็นว่าสั่งเมนูฟูฟ่องนี้กันเกือบทุกโต๊ะ น่าจะการันตีความอร่อยของเมนูนี้ได้เป็นอย่างดี ภาพถ่ายโดยผู้เขียน มาถึงเมนูที่ 2 คือ Crispy Pork Cube หรือขาหมูหั่นเต๋า เมนูนี้ทำจากเนื้อขาหมูล้วนที่ผสมผสานกับวัตถุดิบต่าง ๆ จัดทรงแบบลูกเต๋าแล้วนำไปทอด หมูไม่อมน้ำมันเลย มีความกรอบนอกแต่เนื้อนุ่มฉ่ำใน รับประทานคู่กับนำจิ้มซึ่งมีให้ 2 แบบ คือ น้ำจิ้มรสเผ็ดเปรี้ยว กับหวานเปรี้ยวซึ่งลงตัวเข้ากันดีมาก เมนูนี้ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ มันม่วงบด ซึ่งมีความหอม หวาน เนียนนุ่ม และอร่อยละมุนลิ้นมาก ๆ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เมนูที่ 3 คือ Roasted Chicken with ham & Mushroom in Red Wine Sauce หรือไก่อบไวน์แดง เมนูนี้เสิร์ฟพร้อมมันบด มีความหอมรสเปรี้ยวของไวน์อ่อน ๆ คล้ายการตุ๋นเหล้าจีน ส่วนมันบดนั้นข้นละมุนดี ไม่เละ ไม่เป็นก้อน ส่วนเนื้อไก่นั้นชิ้นโต เนื้อแน่น และนุ่มมาก เมื่อทานพร้อมกับน้ำซอสไวน์แดงยิ่งเพิ่มความหฤหรรษ์ให้กับเมนูนี้เป็นอย่างยิ่ง ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เมนูที่ 4 Smoked Salmon with Sprinkle of Shrimp Roe Baby Crusty Pizza หรือเบบี้พิซซ่าแซลมอนรมควัน เป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบมาก ๆ โรยหน้าด้วยแซลมอนราควันและราสด้วยชีสหนาข้น งามหยาดเยิ้มบนหน้าพิซซ่า แซลมอนนุ่ม หวานละมุนมาก ส่วนส่วนผสมที่อยู่บนหน้าพิซซ่ามีรสสัมผัสออกเปรี้ยว หวาน และเผ็ดเบา ๆ โดยรวมแล้วกลมกล่อมเข้ากันกับซอส ชีส และแซลมอน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เมนูที่ 5 ซีซาร์สลัด ถึงหน้าตาหรือเมนูดูจะธรรมดา แต่พอตักเข้าปากในคำแรก รสสัมผัสที่ได้คือ ความสดกรอบของผัก แถมดูสะอาด ไม่มีรอยช้ำใด ๆ ผสมกลมกลืนกับชีส แฮม ขนมปังกรอบ และน้ำสลัดสูตรพิเศษ ยิ่งเพิ่มความกรุบกรอบ หอมอร่อย ไม่เลี่ยน ไม่ฝืด เป็นเมนูง่าย ๆ ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจานนี้จะหมดไปอย่างรวดเร็ว ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ปิดท้ายด้วยของหวาน ซึ่งเป็นเมนูที่แสนรัญจวนใจมาก กับเมนู Thai Tea Sizzling Roti หรือโรตีชาไทยกะทะร้อน สุดยอดความฟิวชั่นที่อร่อยจนลืมน้ำหนักตัว กับความเหนียวนุ่มของแป้งโรตีบาง ๆ พร้อมมาร์ชเมลโลหนึบ ๆ ตอนเสิร์ฟพนักงานจะราดซอสชาไทยให้มันฟู่อยู่ในกะทะร้อน ซึ่งตรงกลางของจานจะเป็นไอศครีมรสหวานละมุนสูตรพิเศษของทางร้าน ในขณะที่มาร์ชเมลโล เมื่อราดด้วยซอสชาไทยร้อน ๆ ก็ละลายแบบหนึบ ๆ ยืด ๆ กำลัง เมนูนี้ต้องกินที่กำลังร้อน หรือไม่ควรปล่อยให้เย็นเกินไปเพื่อไม่ให้แป้งโรตีเหนียวตัว ด้วยความกลมกล่อมรัญจวนใจที่มีอยู่แล้วของชาไทย ผสานกับความลงตัวของวัตถุดิบหลากหลายที่อยู่รายล้อมจึงทำให้เมนูนี้อร่อยตรึงใจอย่างน่าเหลือเชื่อ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ต้องบอกว่าเป็นอีกร้านที่รสชาติตรึงใจ ในราคาตรึงจิตร สำหรับความชอบของร้านนี้ นอกเหนือจากรสชาติอาหารแล้ว การบริการของพนักงาน ความสะอาดของร้าน และความเป็นส่วนตัวของลูกค้า เนื่องจากแต่ละโต๊ะจะจัดวางให้อยู่ห่างกันพอสมควร จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของการรับประทานอาหาร Fusion แบบไทยปนฝรั่งได้อย่างมีมิติ พิกัดร้าน Audrey Cafe Glamour สาขา Central Embassy (ชั้น 5) ถนนเพลินจิต กรุงเทพฯ หรือจาก BTS สถานีเพลินจิต เดินประมาณ 300 เมตร โทรศัพท์ 02-160-5876