8 วิธีเลือกข้าวโพดหวานต้ม แบบไหนดี น่าซื้อ ดูสะอาด | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ข้าวโพดต้มโดยเฉพาะข้าวโพดหวานเป็นสิ่งที่เราเห็นได้บ่อยๆ ทั้งที่เป็นแบบต้มใหม่สดๆ ที่ตลาดหรือตามงานหรือที่ซื้อของฝากต่างๆ และปัจจุบันข้าวโพดต้มที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยก็มีแล้วค่ะ พอเป็นแบบนี้ข้าวโพดต้มกลายเป็นของโปรดของใครหลายคน และหนึ่งในนั้นคือผู้เขียนเอง ที่เห็นทีไรเป็นต้องขอซื้ออย่างน้อยสองฝักค่ะ ซึ่งปกติชอบรับประทานข้าวโพดหวานต้มแบบเปล่าๆ แต่บางทีนึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็มักนำข้าวโพดหวานต้มมาหั่นใส่สลัดผักค่ะ ที่ต้องบอกว่าข้าวโพดหวานต้มที่หวานและสดใหม่ เป็นสิ่งที่ทุกคนตามหา เพราะข้าวโพดต้มแบบนี้ให้ความอร่อยมากกว่า เพราะถ้าไปเผลอรับประทานข้าวโพดหวานต้มที่จืดชืด แบบนี้ไม่เป็นสับปะรดเลยค่ะ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมารู้กันดีกว่าว่า ถ้าอยากได้ข้าวโพดหวานต้มแบบอร่อยขั้นสุด ที่เป็นการดูด้วยและใช้สองมือของเราเลือกซื้อ แบบไหนดีที่ดูสะอาด แบบไหนดีที่ให้รสชาติน่าพึงพอใจ แบบไหนควรหลีกเลี่ยงและห้ามซื้อค่ะ ที่ต้องบอกว่าเคล็ดลับที่ผู้เขียนจะได้พูดถึงในบทความนี้ โดยส่วนตัวผู้เขียนใช้ตลอดและพบว่าได้ข้าวโพดหวานต้มคุณภาพดีเรื่อยมา ดังนั้นอย่าช้าที่จะอ่านให้จบและนำไปใช้ค่ะ ดังเนื้อหาที่น่าสนใจต่อไปนี้ 1. ดูสีของเมล็ดข้าวโพด สีเหลืองสดใสบ่งบอกว่าข้าวโพดสุกกำลังดี มีความหวานอร่อย เมล็ดข้าวโพดที่เก็บไว้นาน สีอาจซีดจางลง หรือมีสีขาวปน ซึ่งบ่งบอกว่าความสดใหม่ลดลง เมล็ดข้าวโพดสีเหลืองสดใสจะมีรสชาติหวานอร่อยกว่าเมล็ดที่มีสีซีดหรือมีสีขาวปน ดังนั้นให้เลือกข้าวโพดต้มที่เมล็ดมีสีเหลืองสดใสทั่วทั้งฝักค่ะ 2. สัมผัสความแน่นของเมล็ด ความแน่นของเมล็ดข้าวโพดต้มนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความหวานฉ่ำและคุณภาพของข้าวโพดเลยทีเดียวค่ะ เมื่อเราต้มข้าวโพดแล้ว เมล็ดที่สุกกำลังดีจะมีความแน่นและนุ่มกำลังเคี้ยว ไม่แข็งกระด้างจนเกินไปหรือเละเกินไป ซึ่งสัมผัสที่ดีนี้จะทำให้เราได้ลิ้มรสชาติความหวานหอมของข้าวโพดอย่างเต็มที่ เมล็ดข้าวโพดที่แน่นแสดงว่าข้าวโพดมีความหวานสูง เนื่องจากแป้งภายในเมล็ดเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอย่างสมบูรณ์ ข้าวโพดที่สดใหม่จะมีเมล็ดแน่น ไม่เละ และมีรสชาติหวานอร่อยกว่าข้าวโพดที่เก็บไว้นาน ซึ่งวิธีสังเกตความแน่นของเมล็ดข้าวโพดต้ม มีดังนี้ มอง: เมล็ดข้าวโพดที่สุกกำลังดีจะมีสีเหลืองสดใส และเมื่อกดเบาๆ จะไม่บุ๋ม สัมผัส: ใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ ที่เมล็ดข้าวโพด จะรู้สึกถึงความแน่นและนุ่ม เคี้ยว: เมื่อเคี้ยวเมล็ดข้าวโพด จะรู้สึกถึงความหวานฉ่ำและเนื้อสัมผัสที่นุ่มลิ้น 3. ดมกลิ่น การดมกลิ่นข้าวโพดต้มเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราเลือกซื้อข้าวโพดหวานฉ่ำได้ค่ะ เพราะกลิ่นหอมของข้าวโพดนั้นบ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของข้าวโพดได้เป็นอย่างดี โดยข้าวโพดที่สุกใหม่ๆ จะมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ คล้ายกลิ่นนม กลิ่นจะไม่เหม็นอับ หรือมีกลิ่นเปรี้ยว กลิ่นจะไม่แรงจนเกินไป หรือมีกลิ่นสารเคมีเจือปน ข้าวโพดต้มที่เก็บไว้นาน หรือเริ่มเน่าเสีย จะมีกลิ่นเหม็น หรือไม่มีกลิ่นเลย ข้าวโพดที่หวานจะมีกลิ่นหอมหวานชัดเจนกว่าข้าวโพดที่รสชาติจืด 4. สังเกตความชุ่มชื้น ความชุ่มชื้นของเมล็ดข้าวโพดต้ม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความหวานฉ่ำและคุณภาพของข้าวโพดค่ะ เพราะข้าวโพดที่เก็บมานานหรือเก็บไม่ดี อาจทำให้เมล็ดข้าวโพดขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้รสชาติไม่อร่อยเท่าที่ควร ข้าวโพดที่ชุ่มชื้นจะมีความหวานมากกว่าข้าวโพดที่แห้ง ข้าวโพดที่ชุ่มชื้นจะมีรสชาติที่หวานอร่อย และมีกลิ่นหอม ข้าวโพดที่ชุ่มชื้นจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มลิ้นและเคี้ยวเพลิน โดยวิธีสังเกตความชุ่มชื้นของเมล็ดข้าวโพดต้ม มีดังนี้ มอง: เมื่อต้มข้าวโพดสุกแล้ว ลองสังเกตสีของเมล็ดข้าวโพด สีเหลืองสดใสจะบ่งบอกถึงความชุ่มชื้น และความหวานของข้าวโพด สัมผัส: ใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ ที่เมล็ดข้าวโพด หากเมล็ดมีความนุ่มและไม่แห้งแสดงว่าข้าวโพดมีความชุ่มชื้น เคี้ยว: เมื่อเคี้ยวเมล็ดข้าวโพดจะรู้สึกถึงความหวานฉ่ำ และเนื้อสัมผัสที่นุ่มลิ้น 5. สังเกตสีของน้ำที่แช่ สีของน้ำแช่ข้าวโพดต้มนั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บ่งบอกถึงความหวานและคุณภาพของข้าวโพดได้ค่ะ โดยปกติแล้วน้ำแช่ข้าวโพดต้มที่ได้จากข้าวโพดหวานฉ่ำ จะมีสีเหลืองอ่อนๆ หรือสีขาวขุ่นเล็กน้อย ที่ควรมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ จากที่ข้าวโพดที่มีความหวานจะมีน้ำตาลละลายออกมาในน้ำ ทำให้น้ำมีสีเหลืองอ่อนๆ ข้าวโพดที่สดใหม่จะมีน้ำนมข้าวโพดไหลออกมา ทำให้น้ำมีสีขาวขุ่นเล็กน้อย 6. เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การเลือกซื้อข้าวโพดต้มจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้ข้าวโพดที่สดใหม่ สะอาด และปลอดภัยต่อการบริโภค นอกจากการสังเกตลักษณะภายนอกของข้าวโพดแล้ว การเลือกแหล่งที่มาของข้าวโพดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณาค่ะ เพราะว่าข้าวโพดต้มที่ได้จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มักต้มจากข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวมาแบบสดใหม่ จึงทำให้ได้รสชาติหวานอร่อย และมีคุณค่าทางอาหารสูง แหล่งที่น่าเชื่อถือจะมีมาตรฐานในการผลิตและแปรรูปอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ข้าวโพดต้มปลอดจากสิ่งสกปรกและจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย ที่ควรเลือกซื้อจากผู้ขายที่ดูสะอาด และสังเกตสภาพของข้าวโพดให้ดีก่อนซื้อค่ะ 7. ดูวันหมดอายุ ข้าวโพดต้มโดยทั่วไปไม่มีการระบุวันหมดอายุที่ชัดเจนบนตัวผลิตภัณฑ์ เนื่องจากข้าวโพดเป็นผลิตภัณฑ์สด แต่เมื่อนำมาแปรรูปเป็นข้าวโพดต้มบรรจุภาชนะแล้ว ก็จะมีอายุการเก็บรักษาที่จำกัดค่ะ การตรวจสอบวันหมดอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้าวโพดที่เราซื้อมานั้นยังสดใหม่และปลอดภัยต่อการบริโภค ดังนั้นเมื่อซื้อข้าวโพดต้มที่มีบรรจุภัณฑ์ต้องสังเกตวันหมดอายุค่ะ โดยวันหมดอายุของข้าวโพดต้มจะถูกพิมพ์ไว้บนฉลากของผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจอยู่ที่ด้านหน้า ด้านหลัง หรือด้านข้างของบรรจุภัณฑ์ก็ได้ และอย่าซื้อข้าวโพดต้มที่บรรจุภัณฑ์เสียหาย เช่น บรรจุภัณฑ์บุบ สนิมหรือฉีกขาด ก่อนซื้อควรสังเกตสี กลิ่น และเนื้อสัมผัสของข้าวโพด หากพบว่ามีกลิ่นผิดปกติ หรือมีร่องรอยของรา ควรหลีกเลี่ยงการซื้อค่ะ 8. สังเกตการจัดเก็บ นอกจากการดูวันหมดอายุแล้ว การสังเกตวิธีการจัดเก็บข้าวโพดต้มในร้านค้าก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะวิธีการจัดเก็บที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลต่อคุณภาพและความสดของข้าวโพดได้ค่ะ ตู้แช่หรือชั้นวางที่เก็บข้าวโพดควรสะอาด ไม่มีคราบสกปรกหรือน้ำขัง ข้าวโพดต้มควรเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม ข้าวโพดต้มควรแยกจากอาหารชนิดอื่นๆ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของกลิ่นหรือเชื้อโรค ข้าวโพดต้มควรจัดเรียงเป็นระเบียบ ไม่ทับถมกัน หากข้าวโพดต้มแช่ในน้ำแข็ง น้ำแข็งควรใสสะอาด และไม่มีกลิ่นผิดปกติ และนั่นคือแนวทางง่ายๆ สำหรับใช้ตอนเลือกซื้อข้าวโพดต้มค่ะ ที่ไม่ไดยากจนเกินไปใช่ไหมคะ? อย่างไรก็ตามคุณผู้อ่านควรปรับใช้แนวทางต่างๆ ตามสถานการณ์จริง เพราะปัจจุบันข้าวโพดต้มมาในแบบที่หลากหลาย เช่น ข้าวโพดต้มในร้านสะดวกซื้อ แบบนี้ต้องดูเรื่องของวันหมดอายุ ดูสภาพของถุงที่บรรจุว่าอยู่ในสภาพดีไหม และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องค่ะ ปกติผู้เขียนซื้อข้าวโพดบ้าง โดยมักซื้อจากคนที่เคยซื้อประจำ ที่มักเลือกฝักที่มีสีเหลืองสดใส โดยในกรณีของบทความนี้ในข้อแรกจะใช้ดีกับข้าวโพดหวานนะคะ ส่วนถ้าเป็นข้าวโพดชนิดอื่นนั้น เดี๋ยวจะมานำเสนอวิธีการในการเลือกซื้อในบทความอื่นค่ะ ยังไงก็อย่าลืมนำเทคนิคดีๆ ในบทความนี้ไปใช้กัน และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย NEOSiAM 2024+ จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกโดยผู้เขียนใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/BwOvQ2MrxOae https://food.trueid.net/detail/G5BAPen7Kye0 https://food.trueid.net/detail/z5Dewe3Yz60q เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !