*** เครดิตปก : pixabay.com *** เครดิตภาพ IG : davikah สังคมในปัจจุบัน เป็นสังคมแห่งการเร่งรีบ ใครไวก่อน คนนั้นได้ มักจะเป็นแบบนี้อยู่หลายยุค หลายสมัย แต่ทว่าในมุม ๆ หนึ่งก็กลับมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีจิตใจเมตตา มีน้ำใจ ไมตรีจิตดี แบ่งปันสิ่งของ หรือการช่วยเหลือไม่ว่าจะด้านใดก็ตามออกมาอยู่เสมอ ๆ อย่างที่เราเห็นกันในสภาวการณ์ปัจจุบัน หลายคนมักจะแข่งขันอยู่กับเวลา และพาตัวเองเป็นเครื่องกำหนดว่าเวลาไหนควรทำอะไร และสิ่งไหนควรทำ ไม่ควรทำ และมักจะมีการดิ้นรน พยายามหาข้อแตกต่างของตัวเองเมื่อได้เปรียบเทียบกับผู้อื่นที่ได้พบเจอ จึงเมื่อบางทีก็ทำให้ขาดการเอาใจใส่ในสิ่งที่ตนควรจะสนใจมากกว่า แม้ว่าเวลาจะเดินไปในจุดเดียวเหมือน ๆ กัน ผู้เขียนมองว่าหากเรามีพฤติการณ์แบบนี้แล้ว มักจะทำอะไรซ้ำ ๆ จำเจ บางทีอาจทำให้รู้สึกเบื่อง่าย ก็เหมือนกับที่เราต้องทานข้าวอยู่ทุกวัน ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี เมื่อมื้ออาหารหมดจากลิสต์แล้ว แต่ในบางครั้งเราก็ควรทราบก่อนว่ามื้ออาหารที่เราทานนั้นแม้จะเหมือนเดิม ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายวัน แต่ก็ยังประโยชน์ให้กับร่างกายอยู่ไม่น้อย ผู้เขียนจึงอยากจะนำประสบการณ์ดี ๆ ในเรื่องของมื้ออาหารยอดฮิต ที่หลายคนรู้ชื่อแล้วต้องอ๋อขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่เราจะทราบว่ามื้อแนะนำที่ผู้เขียนนำมาให้ผู้อ่านนั้น เราต้องมาทราบเบื้องต้นที่ควรมี ควรทานในแต่ละมื้ออาหาร ตามเทคนิคของผู้เขียนเสียก่อน มื้ออาหาร บางทีอาจมองผิวเผินว่าไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว สารอาหารในมื้อนั้น ๆ ต่างหาก ที่เป็นจุดสำคัญของอาหารแต่ละมื้อ ว่าควรทานหรือไม่อย่างไร ผู้เขียนเห็นหลายคนมีเทคนิคในเรื่องการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก หรือไม่ก็ถึงขั้นกับว่านับแคลอรี่กันเลยทีเดียว แต่ในความเห็นแล้วไม่จำเป็นขนาดนั้นก็ได้ หากเราเพียงใส่ใจในปริมาณ และคุณค่าที่ควรจะได้รับในแต่ละมื้อในสัดส่วนที่พอเหมาะ ร่างกายก็จะเฟิร์ม หุ่นเพรียวขึ้นมา โดยไม่ทันตั้งตัวเลยก็ได้ ส่วนใหญ่ผู้คนจะมีอัตราการเผาผลาญอยู่ที่ 1,500 - 2,500 kcal ( กิโลแคลอรี่ ) การไม่กินเนื้อเลย หรือเน้นแต่ผักอาจไม่ใช่วิธีการที่จะบังคับร่างกายให้ไม่หิวได้ ผู้เขียนจึงแนะนำว่าในแต่ละมื้อควรจะมีเนื้อผสมกับธัญพืชบ้าง ในสัดส่วนที่ลงตัว เช่น เนื้อกับผัก เป็น 1 : 2 ประมาณนี้ ส่วนเรื่องของแป้งก็ให้ลดให้ได้มากที่สุด ยกเว้นในมื้อเช้าที่สมอง หรือร่างกายต้องการความหวานมาเป็นอันดับแรก ส่วนมื้อกลางวันและตอนเย็นเน้นเป็นประเภทโปรตีนจะดีที่สุด ทุกมื้อควรมีเทคนิคเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าว่า " ควรมีปกติ กินแล้ว ให้มีปริมาณเหลือให้ท้องพร่องเล็กน้อย " ไม่ควรอิ่มจนอืด หรือแน่นเกินไป *** เครดิตภาพจากผู้เขียน ข้าวมันไก่สองหน้า มีทั้งไก่ทอด ไก่ต้ม หรือไก่อบด้วย คลุกเคล้ากัน ให้หอมกลิ่นกรอบของหนังไก่ทอด ผู้เขียนว่ามีทั้งโปรตีนและแป้ง ควรจะเป็นมื้อเช้ามากกว่า ( 560 kcal ) *** เครดิตภาพจากผู้เขียน ข้าวพะแนงหมู พร้อมด้วยผักเครื่องเคียงอาจมีรสเผ็ดเล็กน้อย แต่ก็มีปริมาณของเนื้อหมูให้พออิ่มท้อง ในมื้อกลางวัน โดยปริมาณแป้งอาจลดลงมาบ้าง ( 300 kcal ) *** เครดิตภาพจากผู้เขียน และมื้อสุดท้ายในตอนเย็นก็ให้เป็น ผัดผักซีอิ๊วแล้วกัน มีทั้งผัก และโปรตีนจากไข่ แต่ก็มีแป้งจากเส้นก๋วยเตี๋ยวบ้าง ก็พอให้ไม่หิวในตอนช่วงใกล้เข้านอนได้ และยังได้วิตามินจากผักอีกด้วย ( 650 kcal ) เป็นอย่างไรกันบ้าง คุณผู้อ่านคงจะทราบเทคนิค และรู้แล้วว่ามื้อไหนควรเน้นอะไร ในสถานการณ์ที่เวลาเป็นเครื่องบังคับกันแล้วหละ ผู้เขียนหวังว่าจะมีโอกาสได้แชร์ประสบการณ์ดี ๆ ในบทความถัด ๆ ไปอีก ... :) JPMJ