เสาวรสหอมหวาน รสชาติอร่อย ดูยังไงดี สดใหม่ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ผลไม้ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวในประเทศไทยของเรามีค่อนข้างหลากหลาย และเป็นผลไม้ที่ผู้เขียนชอบทานอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะทานได้แบบไม่เบื่อง่ายกับความอร่อยที่ลงตัว โดยเสาวรสเป็นผลไม้ที่มีเมล็ดมากก็จริง แต่ด้วยรสชาติที่เข้าท่า ทำให้ผู้เขียนหาโอกาสซื้อมาทานบ้างค่ะ โดยที่นี่มีเกษตรปลูกเสาวรสขาย ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปที่อื่นเพื่อเสาวรสค่ะ และจากที่ผู้เขียนได้ซื้อเสาวรสมาตลอดนั้น มีเคล็ดลับอยู่หลายอย่างที่ขาดไม่ได้ เพราะถ้าคิดไม่ออกหรือไม่รู้ว่าต้องเลือกยังไง เราอาจได้เสาวรสที่เน่าเสียได้ค่ะ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมารู้ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่จำเป็นบ้าง สำหรับการเลือกซื้อเสาวรสที่ดี มีคุณภาพ และรสชาติหอม หวาน อร่อย ที่อ่านจบรับรองมองเห็นภาพว่าต้องทำยังไงค่ะ และต่อให้ไม่เคยเลือกซื้อผลไม้ชนิดนี้มาก่อนเลยก็ตาม ถ้าอ่านและทำความเข้าใจดีๆ แล้วเอาไปปรับใช้ ยังไงก็ได้เสาวรสที่หอมหวานตามธรรมชาติค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่ามีวิธีการอะไรบ้าง งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่า กับข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ 1. ดูรูปร่าง การเลือกเสาวรสให้ได้ลูกที่สมบูรณ์แบบนั้นสำคัญมากค่ะ เพราะจะส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของเสาวรสที่เราจะนำไปประกอบอาหารหรือรับประทานสดๆ โดยเฉพาะการดูรูปร่างของเสาวรสเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมากค่ะ เพราะปกติเสาวรสที่มีรูปร่างสมมาตร ไม่บิดเบี้ยว แสดงว่าผลนั้นได้รับการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ไม่ขาดสารอาหาร ผิวที่เรียบเนียน ไม่มีรอยช้ำหรือรอยแตก จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปทำลายเนื้อใน ทำให้เสาวรสเก็บไว้ได้นานขึ้น เสาวรสลูกโต น้ำหนักดี มักจะมีเนื้อเยอะและน้ำเยอะ ทำให้ได้รสชาติหวานฉ่ำ ผิวของเสาวรสควรเรียบเนียน ไม่มีรอยขีดข่วน รอยบุบ หรือรอยแตก ที่ควรหลีกเลี่ยงเสาวรสที่มีรอยช้ำ เพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเน่าเสีย เลือกเสาวรสที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กจนเกินไปและไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะเสาวรสขนาดกลางมักจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวกำลังดีค่ะ 2. สัมผัสผิว การสัมผัสผิวเสาวรสเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราเลือกได้ว่าผลไม้นั้นสุกกำลังดีหรือไม่ โดยการสังเกตผิวสัมผัสของเสาวรส จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่าผลไม้นั้นพร้อมรับประทานหรือควรเก็บไว้ก่อน โดยผิวของเสาวรสที่สุกกำลังดีจะมีความเรียบมัน เหมือนผิวไข่ไก่ที่สดใหม่ มีความเงางามเล็กน้อย ผิวที่เรียบมันบ่งบอกว่าเสาวรสได้รับการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ เนื้อในฉ่ำน้ำ และมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวกำลังดี ผิวของเสาวรสที่เหี่ยว ย่น หรือมีรอยย่น จะดูแห้งและขาดความชุ่มชื้น ที่อาจเกิดจากการเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี หรือเสาวรสสุกเกินไปแล้ว 3. เขย่าเบาๆ การเขย่าเสาวรสเบาๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบคุณภาพของเสาวรสก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ โดยเสียงที่ได้จากการเขย่านั้นจะบอกอะไรเราได้หลายมาก เช่น ตรวจสอบความแน่นของเนื้อ: เสียงที่ได้จากการเขย่าจะบ่งบอกถึงความแน่นของเนื้อเสาวรส หากเนื้อเสาวรสยังติดกับเมล็ดอยู่ดี เสียงที่ได้จะค่อนข้างนิ่งและเบา ตรวจสอบปริมาณน้ำ: เสียงน้ำเคลื่อนไหวเล็กน้อยบ่งบอกว่าเสาวรสมีน้ำเยอะ เนื้อในฉ่ำน้ำ และสุกกำลังดี ตรวจสอบความสุก: เสียงที่ได้ยังสามารถบอกได้คร่าวๆ ว่าเสาวรสสุกมากหรือน้อยเพียงใด ถ้ามีเสียงดังกังวาน หมายถึงเนื้อเสาวรสหลุดออกจากเมล็ดแล้ว หรือเสาวรสสุกเกินไป เนื้ออาจจะเละค่ะ ไม่มีเสียงอะไรเลย หมายถึงเสาวรสดิบเกินไป เนื้อจะยังแข็งอยู่นะคะ 4. สังเกตสี สีสันของเสาวรสเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความสุกและคุณภาพของผลไม้ชนิดนี้ค่ะ การสังเกตสีอย่างละเอียดจะช่วยให้เราเลือกซื้อเสาวรสได้อย่างถูกต้องและได้ผลไม้ที่หวานอร่อย ถ้าพบว่าเสาวรสมีสีซีด บ่งชี้ว่าเสาวรสที่สุกเกินไป หรือเริ่มเน่าเสีย รวมถึงเปลือกอาจมีรอยด่าง หรือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลด้วย ซึ่งจุดด่างบนผิวเสาวรส อาจเป็นสัญญาณของโรค หรือความเสียหายจากการขนส่ง ซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของผลไม้ชนิดนี้ค่ะ โดยเสาวรสมีหลากหลายสี ได้แก่ สีม่วงเข้ม ม่วงแดง เป็นสีที่พบได้บ่อยในเสาวรสพันธุ์ม่วง เมื่อสุกเต็มที่ สีจะเข้มสดใส และมีประกายมันวาว สีเหลือง สีส้ม พบได้ในเสาวรสพันธุ์เหลือง เมื่อสุกเต็มที่ สีจะเหลืองเข้ม หรือส้มสดใส สีแดง บางพันธุ์อาจมีสีแดงเมื่อสุกเต็มที่ 5. กดเบาๆ การกดเบาๆ ที่ผิวเสาวรสเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราประเมินได้ว่าเสาวรสลูกนั้นสุกกำลังดีหรือไม่ โดยการสัมผัสเบาๆ จะทำให้เรารู้สึกถึงความแน่นของเนื้อภายใน และช่วยให้เราตัดสินใจเลือกซื้อเสาวรสได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเสาวรสที่สุกกำลังดี เมื่อกดเบาๆ ที่ผิวเสาวรส จะรู้สึกว่าผิวยุบตัวลงไปง่าย เหมือนกดฟองน้ำ เนื้อแน่นบ่งบอกว่าเสาวรสยังสดใหม่ เนื้อในฉ่ำน้ำ และมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวกำลังดี ดังนั้นให้ลองกดเบาๆ ที่เสาวรสหลายๆ ลูก เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของความแน่นค่ะ 6. ดมกลิ่น การดมกลิ่นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบความสดใหม่ของเสาวรสค่ะ เพราะกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของเสาวรสที่สุกเต็มที่จะบ่งบอกถึงคุณภาพและรสชาติที่ดีเยี่ยม เสาวรสที่สุกพอดีจะมีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของเสาวรสจะแตกต่างกันไปตามแต่ละพันธุ์ แต่โดยทั่วไปจะเป็นกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมหวานบ่งบอกว่าเสาวรสมีเนื้อในฉ่ำน้ำ และมีรสชาติอร่อย หากเสาวรสมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือกลิ่นเน่า แสดงว่าเสาวรสเน่าเสียแล้ว ไม่ควรนำมารับประทาน หากเสาวรสไม่มีกลิ่นเลย หรือมีกลิ่นอ่อนมาก อาจเป็นเพราะเสาวรสยังดิบอยู่ หรือเริ่มเน่าเสียแล้วค่ะ 7. สังเกตขนาด ขนาดของเสาวรสเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บ่งบอกถึงความสุกและรสชาติของผลไม้ โดยทั่วไปแล้วเสาวรสที่โตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่กว่าเสาวรสที่ยังไม่สุก และมักจะมีรสชาติหวานอร่อยกว่า ที่หลายคนยังไม่รู้ว่า ความลับในการเลือกเสาวรสตามขนาดนั้นสำคัญ โดยเราต้องเลือกผลที่มีขนาดสม่ำเสมอ จากที่ผลที่โตเต็มที่และได้รับการดูแลที่ดี จะมีขนาดสม่ำเสมอ เพราะว่าเสาวรสเป็นผลไม้ที่มีขนาดของผลมีความสัมพันธ์กับรสชาติตามธรรมชาติที่จะได้ค่ะ ดังนี้ ผลโต: เสาวรสที่โตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่ เนื้อในฉ่ำน้ำ และมีปริมาณน้ำตาลสูง ทำให้มีรสชาติหวานอร่อย ผลเล็ก: เสาวรสที่ยังไม่โตเต็มที่จะมีขนาดเล็ก เนื้อในอาจแข็ง และรสชาติอาจเปรี้ยว 8. เลือกตามฤดูกาล การเลือกซื้อเสาวรสตามฤดูกาล นอกจากจะช่วยให้เราได้เสาวรสที่สดใหม่ รสชาติอร่อยแล้ว ยังช่วยสนับสนุนเกษตรกรไทยอีกด้วย เพราะในแต่ละฤดูกาลจะมีพันธุ์เสาวรสที่ให้ผลผลิตแตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็จะมีรสชาติและคุณสมบัติเฉพาะตัวค่ะ ปกติเสาวรสที่เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูกาล จะมีความหวาน หอม และมีรสชาติเข้มข้นที่สุด เสาวรสที่เก็บเกี่ยวสดใหม่จากสวน จะมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าเสาวรสที่เก็บไว้นาน ตลอดจนในช่วงฤดูกาลผลผลิตจะมีเสาวรสออกมามาก ทำให้ราคาถูกกว่าช่วงนอกฤดูกาลค่ะ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการปลูกเสาวรสตลอดทั้งปี แต่ละภูมิภาคจะมีช่วงเวลาที่ให้ผลผลิตแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วฤดูกาลที่เสาวรสให้ผลผลิตมากที่สุด คือ ช่วงฤดูร้อน และ ฤดูฝน ก็จบแล้วค่ะ กับเคล็ดลับเลือกเสาวรส พอจะมองเห็นภาพแล้วใช่ไหมคะ ที่ไม่ได้ยากจนเกินไปใช่ไหม? อย่างไรก็ตามคุณผู้อ่านลองผสมผสานหลายเคล็ดลับตอนไปเลือกซื้อค่ะ เพราะแนวทางนี้จะทำให้เราได้เสาวรสคุณภาพดีเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครซื้อเสาวรสถุงใหญ่ การปรับใช้เคล็ดลับในนี้ในลักษณะการสุ่มจะช่วยได้มากค่ะ ปกติผู้เขียนไม่เคยซื้อถุงใหญ่แบบ 10 กิโลกรัม จึงง่ายหน่อยเวลาเลือกค่ะ แต่ก็ไม่เคยลืมที่จะใช้เคล็ดลับในบทความนี้ โดยอย่างแรกที่มักใช้ประจำ คือ การเลือกเสาวรสลูกสมส่วน ได้หมดทั้งพันธุ์สีม่วงและสีเหลืองค่ะ ที่ในตอนหลังมาเจอพันธุ์สีม่วงบ่อยที่สุด ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ที่เสาวรสแต่ละพันธุ์ได้รับความนิยมต่างกัน เพราะว่าการใช้ประโยชน์ค่ะ ดังนี้ เสาวรสพันธุ์ม่วง มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อแน่น นิยมนำไปทำน้ำผลไม้ เสาวรสพันธุ์เหลือง มักมีรสชาติหวาน เนื้อนุ่ม นิยมรับประทานสดๆ หรือทำเป็นของหวาน เสาวรสพันธุ์แดง ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อกรอบ นิยมนำไปทำแยม อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณผู้อ่านจะต้องการเลือกซื้อเสาวรสพันธุ์ไหนก็ตาม เคล็ดลับดีๆ ในนี้สามารถปรับใช้ได้หมดค่ะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำวิธีการที่ผู้เขียนได้พูดถึงข้างต้นไปใช้นะคะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย Bogdan Krupin จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/OyMqx3mLqkPy https://food.trueid.net/detail/XmJX4lDwGnDo https://food.trueid.net/detail/bPXAj7Q0WpbR เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !