เมื่อได้เหยียบลงบนฝั่งวังหลังก็บ่ายสองโมงครึ่งแล้วแต่คนกับแสงแดดก็ไม่มีทีท่าว่าจะจางลงก็รีบโกยไปนั่งหลบร้อนหลบคนที่ร้านประจำนั่นก็คือ #ร้านสวงอยู่ที่วังหลัง (Sawong at Wanglang) สั่งชาเขียวและบานอฟฟี่ ร้านสวงอยู่ที่วังหลัง sawong at wanglang มีSloganว่า "แม่บอกว่า เราทำอาหาร แล้วไปทำร้ายร่างกายคนกิน มันคือบาป เขากินหนึ่งมื้อเราก็บาปหนึ่งครั้ง" ข้อความสั้นจากเจ้าของร้านที่บ่งบอกถึงความเอาใจใส่และห่วงใยลูกค้าประดุจคนในครอบครัว สวงอยู่ที่วังหลังเป็นคาเฟ่ที่ให้บริการเครื่องดื่มและอาหาร เบเกอรี่ที่เน้นเพื่อสุขภาพ ปลอดสารเคมีปรุงแต่งใดๆ และปลอดไขมันทรานส์ ภายในร้านตกแต่งสไตล์ย้อนยุคมีของเล่นเครื่องใช้ที่ถ้าผู้มีอายุเห็นคงหวลคะนึงถึงความหลังเป็นแน่แท้ เจ้าของร้านที่แสนจะใจดีและเป็นกันเอง ห่วงใยลูกค้าประดุจญาติมิตรเป็นที่หนึ่ง ร้านเป็นลักษณะห้องแถวเล็กๆในซอกซอยของวังหลัง บานอฟฟี่กล้วยในคาราเมล ที่แสนจะกลมกล่อมหอมกลิ่นกล้วยกับรสชาติที่หวานละมุนของคาราเมลและความกลมกล่อมของวิปครีม บอกเลยว่าต้องลอง บรรยากาศข้างนอกร้านจะเหมือนอยู่คนละโลกของวังหลังที่แสนจะวุ่นวาย แต่บรรยากาศข้างนอกร้านกลับสงบเย็นแบบสไตล์Classic เหมาะอย่างยิ่งในการมานั่งอ่านหนังสือนั่งทำงานหรือจะมานั่งเหม่อลอยเฉยๆก็ยังได้เลย ส่วนการเดินทางมาที่ร้านนั้นคุณสามารถเดินทางด้วยเรือข้ามฟากจากท่าพระจันทร์-ท่าวังหลัง ท่าช้าง-วังหลัง ท่ารถไฟ-วังหลัง โดยเดินลัดเลาะมาตามซอยจะเจอป้ายของร้านนำทางมาเรื่อยๆจนถึงร้านนอกจากนั้นคุณยังสามารถเที่ยววังหลังไปในตัวอีกด้วยสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆก็มีมากมาย เช่น วัดระฆังโฆษิตาราม พิพิธภัณฑ์ต่างๆในโรงพยาบาลศิริราช ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน พิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์คองดอน พิพิธภัณฑ์ปรสิตวิทยา พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์สงกรานต์ นิยมเสน เป็นต้น และเมื่อตกเย็นยังมีวิวบรรยากาศพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้ชมอีกด้วย ภาพโดย วจโนสุนทโร