เครดิตภาพจาก:กะทิน้อย ว้าว ๆ ขอแนะนำ “Litchi ลิ้นจี่” ถ้าเอ่ยถึงผลไม้อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ต้องนึกถึงลิ้นจี่ เพราะเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อในอำเภอฝางเลยที่เดียว เมื่อก่อนเคยมีคำขวัญที่ผู้คนเอ่ยติดปากและเล่าขานกันว่า “เมืองฝางเมืองลิ้นจี่” นี่แหละ เครดิตภาพจาก : กะทิน้อย นั่นแน่...เจ้าแม่ลิ้นจี่มีหลายพันธุ์ที่เห็นในอำเภอฝาง ได้แก่ พันธุ์ฮวงฮวย บรรดาพ่อค้าจะเรียกกันว่า “ พันธุ์เบา ” เพราะมีน้ำหนักเบา, พันธุ์จักรพรรดิ จะเรียกว่า “ พันธุ์หนัก” เพราะมีลูกใหญ่น้ำหนักเยอะกว่าพันธุ์อื่น ๆ, พันธุ์โอวเฮียะ มีลักษณะคล้ายรูปหัวใจเนื้อหนาเมล็ดมีขนาดเล็กแต่ไม่ค่อยเห็นหายากมาก และพันธุ์กิมเจ็ง นี่แหละ ๆ คือ สุดยอดแห่งราชาลิ้นจี่ ขอเรียงความอร่อยและรูปลักษณะของลิ้นจี่ตามนี้นะจะ ( พันธุ์จักรพรรดิ<พันธุ์ฮวงฮวย<พันธุ์กิมเจ็ง ) 3 พันธุ์ที่เป็นที่นิยมรับประทานกัน 1) พันธุ์จักรพรรดิ ผลเป็นสีส้มอมแดง เนื้อน้ำเยอะผลแชะลูกใหญ่ ทิ้งไว้ 1 – 2 วัน รสชาติหวานอมเปรี้ยว 2) พันธุ์ฮวงฮวย ผลเป็นสีส้มอมแดง เนื้อไม่แชะผลเล็กกว่าจักรพรรดิแต่ผิวข้างนอกโดนลมจะกลายเป็นสีน้ำตาลรสชาติหวานอมเปรี้ยว 3) พันธุ์กิมเจ็ง ผลเป็นสีส้มอมแดงเนื้อไม่แชะลูกเล็กเป็นรูปทรงหัวใจเมล็ดเล็กรสชาติมีกลิ่นหอม หวานกลมกล่อม เครดิตภาพจาก : กะทิน้อย ว่าด้วยดอกลิ้นจี่...แต่ละสายพันธ์ุช่วงการออกดอกไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะออกดอกในช่วงประมาณเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ แยกออกให้เห็นได้ดังนี้ พันธุ์ฮวงฮวย >>ประมาณเดือนธันว่าคม พันธุ์จักรพรรดิ >>ประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ พันธุ์โอวเฮียะ >>ประมาณเดือนมกราคม พันธุ์กิมเจ็ง >>ประมาณเดือนมกราคม ช่อดอกลิ้นจี่จะออกหรือไม่ก็แล้วแต่สภาพอากาศในแต่พื้นที่ และการดูแลเอาใจใส่ต้นอีกทีหนึ่ง เครดิตภาพจาก : กะทิน้อย ฮั่นแน่...อยากลองชิมรสชาติกันแล้วสินะ ต้องรอ ๆ ช่วงเดือน พฤษภาคม – มิถุนายนของทุกปีจะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวลิ้นจี่ออกสู่ตลาด ปีหนึ่งออกหนึ่งหนแล้วถ้าใครอยากเห็นการเก็บผลลิ้นจี่ขอแนะนำพื้นที่ แห่งแรกบ้านโป่งถืบ ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ (พันธุ์จักรพรรดิ และพันธุ์ฮวงฮวย) พื้นที่ราบ และภูเขา แห่งที่สอง บ้านแม่สูนน้อย ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ( พันธุ์จักรพรรดิ และพันธุ์ฮวงฮวย ) พื้นที่ราบ และภูเขา แห่งที่สาม บ้านปางควาย ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ( พันธุ์จักรพรรดิ, พันธุ์ฮวงฮวย, พันธุ์โอวเฮียะ, และพันธุ์กิมเจ็ง ) เป็นพื้นที่หุบเขาล้อมรอบต้นไม้เขียวขจีมีอากาศเย็น จะเห็นได้ว่าแห่งที่สามมีครบทุกสายพันธุ์ เพราะเป็นบริเวณหุบเขาล้อมรอบต้นไม้เขียวขจีมีอากาศเย็น ต้องไปเที่ยวสักครั้ง เครดิตภาพจาก : กะทิน้อย มา ๆ ดูขั้นตอนการแพ็คลิ้นจี่กันจ้า...จากที่เราเดินขึ้นดอยไปเก็บลิ้นจี่กันจะเก็บลงในตะกร้า หรือเข่ง(เปี้ยด) จากนั้นทำการจัดแต่งกิ่งลิดใบให้สวยงาม นำลงตะกร้า(แต่ต้องมีเทคนิคการแพ็คด้วยจร้า)>>ควรนำใบลิ้นจี่ที่ลิดทิ้งใส่ลงไปด้านล่างและด้านบนของตะกร้าหรือกล่อง ทั้งนี้ใบลิ้นจี่ยังช่วยควบคุมอุณภูมิและการกระแทรกของลิ้นจี่ไม่ให้ช้ำด้วยจร้า จัดเรียงให้สวยงามตามภาพด้านล่างนี้เลยจร้า เครดิตภาพจาก : กะทิน้อย การเก็บรักษา...การเก็บลิ้นจี่ให้อยู่นาน และยาว...นาน ควรนำกระดาษหนังสือพิมพ์หรือกระดาษทั่วไปที่มีนำมาห่อรอบรอบผลลิ้นจึ่ จากนั้นนำถุงใสหรือถุงพลาสติกหุ้มอีกทีหนึ่ง เก็บไว้ตู้เย็น ลิ้นจี่จะอยู่ได้นานถึง 1-2 อาทิตย์จร้า จากที่ได้ลิ้มลองลิ้นจี่หลายๆสายพันธุ์ ๆ พันธ์ุที่อร่อยที่สุดคือ “พันธุ์กิมเจ็ง”