วิธีเลือกกล่องพลาสติก สำหรับใส่อาหาร คุณภาพดี น่าซื้อ | บทความโดย Pchalisa การเลือกกล่องพลาสติกใส่อาหารนั้นสำคัญมากค่ะ เพราะกล่องสัมผัสโดยตรงกับอาหารที่เรารับประทาน ดังนั้นการเลือกกล่องที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อรสชาติของอาหาร และที่สำคัญคือความปลอดภัยต่อสุขภาพค่ะ ที่ในบทความนี้มีคำตอบมาให้แล้ว กับประเด็นที่หลายคนอาจสงสัยและเลือกไม่ถูก เวลาที่ต้องไปซื้อกล่องพลาสติกสำหรับใส่อาหารมาใช้ในบ้าน ดังนั้นเรามาดูกันว่ามีวิธีเลือกกล่องพลาสติกใส่อาหารอย่างไรให้ได้คุณภาพดีและเหมาะสมกับอาหารแต่ละชนิดค่ะ ดังนี้ 1. ตรวจสอบสัญลักษณ์ Food Grade สัญลักษณ์นี้สำคัญค่ะ โดยรูปของสัญลักษณ์มีหลายแบบ แต่ที่เราจะเห็นบ่อยๆ บนกล่องพลาสติกคือ สัญลักษณ์รูปแก้วน้ำกับส้อมค่ะ ที่บ่งบอกว่ากล่องพลาสติกผลิตขึ้นเพื่อใช้บรรจุอาหารโดยเฉพาะ ปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ดังนั้นก่อนซื้อกล่องมาใส่อาหาร ให้ลองสังเกตและมองหาสัญลักษณ์แก้วและช้อนส้อม หรือคำว่า "Food Grade" บนตัวกล่องค่ะ 2. เลือกวัสดุพลาสติกที่เหมาะสม การเลือกกล่องพลาสติกใส่อาหารให้เหมาะสมกับประเภทของอาหารนั้นสำคัญมาก เพราะจะช่วยรักษาคุณภาพของอาหารและความปลอดภัยในการบริโภค ดังนี้ 2.1 PP (Polypropylene) จุดเด่น: ทนความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับใส่ของร้อน เช่น อาหารที่เพิ่งออกจากไมโครเวฟ หรืออาหารร้อนๆ ที่ต้องการเก็บรักษาอุณหภูมิ ข้อควรระวัง: ไม่เหมาะสำหรับใส่ของที่มีไขมันสูงเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพได้ 2.2 PE (Polyethylene) จุดเด่น: ทนทานต่อกรดและด่าง เหมาะสำหรับใส่อาหารที่มีน้ำมัน เช่น อาหารทอด หรือน้ำสลัด ข้อเสีย: ไม่ทนความร้อนสูง ควรหลีกเลี่ยงการนำไปอุ่นในไมโครเวฟ 2.3 PET (Polyethylene Terephthalate) จุดเด่น: ทนทานต่อความชื้น เหมาะสำหรับใส่อาหารแห้ง เช่น ข้าวสวย ขนมขบเคี้ยว หรือผลไม้แห้ง ข้อเสีย: ไม่ทนความร้อนสูง ควรหลีกเลี่ยงการนำไปอุ่นในไมโครเวฟ 2.4 PS (Polystyrene) จุดเด่น: เบา ราคาถูก เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ข้อเสีย: ไม่ทนความร้อนสูง อาจละลายได้เมื่อสัมผัสกับความร้อนสูง และปล่อยสารสไตรีนออกมาเมื่อสัมผัสกับไขมัน 3. ตรวจสอบความหนาของกล่อง ความหนาของกล่องพลาสติกใส่อาหารเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ เพราะความหนาที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้ กล่องหนา มีความทนทานต่อแรงกระแทก เหมาะสำหรับการบรรจุอาหารหนักๆ หรือการขนส่งที่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ช่วยป้องกันอาหารเสียหายจากการกระแทก คงรูปดี ไม่ยุบตัวง่ายเมื่อบรรจุอาหารร้อนหรือเย็น ช่วยรักษาอุณหภูมิของอาหารได้ดี และมีอายุการใช้งานยาวนาน เพราะมีความแข็งแรงทนทาน จึงสามารถใช้งานได้นานค่ะ กล่องบาง มักมีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก เหมาะสำหรับการพกพาอาหารไปทานนอกสถานที่ มีราคาประหยัด แต่ไม่คงรูป และอาจยุบตัวได้เมื่อบรรจุอาหารร้อนหรือเย็น รวมไปถึงอาจเสียรูปหรือแตกหักได้ง่าย 4. พิจารณาขนาดและรูปทรง การเลือกขนาดและรูปทรงของกล่องพลาสติกใส่อาหารนั้นสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อทั้งความสะดวกในการใช้งานและการจัดเก็บอาหาร โดยให้เลือกขนาดให้พอดีกับปริมาณอาหารที่ต้องการบรรจุ เพื่อป้องกันการสูญเสียพื้นที่และการเกิดกลิ่นอับค่ะ หากใช้บรรจุอาหารปริมาณมากบ่อยๆ อาจเลือกกล่องขนาดใหญ่ แต่ถ้าใช้บรรจุอาหารปริมาณน้อยๆ และพกพาบ่อยๆ อาจเลือกกล่องขนาดเล็กหลายๆ ใบ อาหารบางชนิดอาจต้องการพื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ เช่น อาหารเหลวอาจต้องการกล่องที่มีความสูงมากกว่าอาหารแข็ง รูปทรงของกล่องสี่เหลี่ยม สามารถจัดเรียงซ้อนกันได้ง่าย ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ แต่มักมีมุมที่แหลมคม ทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย ส่วนกล่องกลม ดูเรียบง่าย สวยงาม พกพาสะดวก แต่ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่ากล่องสี่เหลี่ยม และกล่องทรงอื่นๆ เช่น กล่องทรงสามเหลี่ยม กล่องทรงไข่ เป็นต้น ซึ่งมีดีไซน์ที่หลากหลายและตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันไปค่ะ 5. ตรวจสอบรอยต่อและขอบ การเลือกใช้กล่องพลาสติกใส่อาหารนั้น ควรคำนึงถึงความสะอาดและความปลอดภัยเป็นหลัก หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงคุณภาพของกล่องคือ รอยต่อและขอบ ที่เรียบเนียนและแข็งแรง เพราะส่วนเหล่านี้มีผลต่อการใช้งานโดยตรงและความสะอาดของอาหารที่บรรจุอยู่ เนื่องจากรอยต่อและขอบที่ไม่เรียบเนียน จะเป็นที่สะสมของเศษอาหารและความชื้น ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของอาหารได้ แต่กล่องพลาสติกที่มีรอยต่อและขอบเรียบเนียน ทำความสะอาดได้ง่าย ลดโอกาสที่เศษอาหารจะติดค้างและป้องกันการเกิดคราบสกปรก และกล่องพลาสติกที่มีรอยต่อและขอบแข็งแรง จะมีความทนทานต่อการใช้งาน สามารถใช้งานได้นานขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการแตกหักหรือเสียรูป 6. สังเกตสีของกล่อง สีของกล่องพลาสติกใส่อาหารนั้น ไม่ได้มีผลต่อแค่ความสวยงาม แต่ยังมีผลต่อการใช้งานและการเก็บรักษาอาหารอีกด้วย สีของกล่องพลาสติกมีความแตกต่างกันก็มีประโยชน์ต่างกันค่ะ และเราควรเลือกให้เหมาะสม ดังนี้ สีใส: สามารถสังเกตปริมาณและสภาพของอาหารได้ง่าย ดูสะอาดและน่าทาน หากกล่องไม่สะอาด จะเห็นคราบสกปรกได้ชัดเจน กล่องแบบนี้ทำให้แสงสามารถส่องผ่านได้ ที่อาจทำให้อาหารบางชนิดเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นเมื่อโดนแสง เช่น ผักใบเขียว สีทึบ: ช่วยป้องกันแสงแดดที่อาจทำให้อาหารเสื่อมคุณภาพ จึงช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ไวต่อแสง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ แต่มักซ่อนคราบสกปรก ทำให้กล่องดูสะอาดอยู่เสมอ แม้จะมีคราบสกปรกเล็กน้อยค่ะ และไม่สามารถมองเห็นอาหารได้ชัดเจน ที่อาจต้องเปิดฝาเพื่อตรวจสอบอาหารทุกครั้ง โดยการเลือกสีของกล่องพลาสติกสำหรับใส่อาหาร มีปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกสี ได้แก่ ประเภทของอาหาร: หากเป็นอาหารที่ไวต่อแสง ควรเลือกกล่องสีทึบ สภาพแวดล้อมในการจัดเก็บ: หากวางกล่องไว้ในที่ที่มีแสงส่องถึง ควรเลือกกล่องสีทึบ ความถี่ในการใช้งาน: หากใช้งานบ่อย ควรเลือกสีที่ทำความสะอาดง่าย ความชอบส่วนตัว: เลือกสีที่คุณชอบและรู้สึกสบายตา 7. อ่านฉลากและคำแนะนำ การอ่านฉลากและปฏิบัติตามคำแนะนำบนกล่องพลาสติกใส่อาหารเป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามไป แต่การทำเช่นนี้จะช่วยให้เราเลือกใช้กล่องได้อย่างเหมาะสม และยืดอายุการใช้งานของกล่องได้อย่างยาวนานค่ะ และข้อมูลสำคัญที่ควรอ่านบนฉลาก มีดังนี้ วัสดุที่ใช้ผลิต พลาสติกชนิดใด: เช่น PET PP PS เป็นต้น สัญลักษณ์สามเหลี่ยมที่มีเลข: สัญลักษณ์นี้จะบอกประเภทของพลาสติก ซึ่งแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติและข้อจำกัดในการใช้งานที่แตกต่างกัน Food Grade: หมายถึง พลาสติกที่ปลอดภัยสำหรับสัมผัสกับอาหาร วิธีการใช้งาน อุณหภูมิที่เหมาะสม: บางชนิดทนความร้อนได้สูง บางชนิดไม่ควรนำไปใช้กับอาหารร้อน วิธีการอุ่นอาหาร: สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้หรือไม่ ควรมีฝาปิดหรือไม่ วิธีการทำความสะอาด: ควรล้างด้วยมือหรือล้างเครื่องได้ 8. เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ การเลือกกล่องพลาสติกใส่อาหารยี่ห้อดัง เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและความสะดวกสบายในระยะยาว เพราะยี่ห้อที่มีชื่อเสียงมักมีมาตรฐานในการผลิตที่สูง มีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด และใช้วัสดุที่ปลอดภัยต่ออาหาร โดยยี่ห้อดีๆ มักผลิตจากวัสดุเกรดอาหาร ปราศจากสาร BPA และสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพสูง ทำให้กล่องแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน และสามารถใช้งานได้นาน มีการรับประกันสินค้า ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ 9. หลีกเลี่ยงกล่องพลาสติกที่มีรอยขีดข่วนหรือรอยแตก รอยขีดข่วนและรอยแตกบนกล่องพลาสติกใส่อาหาร คือแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า การใช้งานกล่องพลาสติกที่มีรอยเสียหายเหล่านี้ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขอนามัยและการปนเปื้อนของอาหารได้ รอยขีดข่วนและรอยแตกเป็นที่ซ่อนตัวของเศษอาหารและคราบสกปรก ซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรีย เมื่อเราบรรจุอาหารลงไป แบคทีเรียเหล่านี้จะสามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายไปยังอาหารได้ง่าย รอยขีดข่วนและรอยแตกจะทำให้กล่องพลาสติกเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และอาจทำให้กล่องแตกหักได้ง่ายเมื่อใช้งาน และวิธีสังเกตกล่องพลาสติกที่เสียหาย มีดังนี้ ตรวจสอบรอยขีดข่วน: สังเกตรอยขีดข่วนบนผิวของกล่อง โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับอาหารโดยตรง ตรวจสอบรอยแตก: สังเกตรอยแตกทั้งภายในและภายนอกของกล่อง ตรวจสอบความผิดปกติอื่นๆ: เช่น รอยบุบ รอยด่าง หรือสีซีดจาง 10. เลือกวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อโลกของเราค่ะ และหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจคือ พลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ เพราะช่วยลดปริมาณขยะและลดการผลิตพลาสติกใหม่จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ากล่องพลาสติกสำหรับใส่อาหารสามารถรีไซเคิลได้ เช่น สามเหลี่ยมรีไซเคิล: บนสามเหลี่ยมจะมีตัวเลขบอกประเภทของพลาสติก ข้อความระบุ: เช่น "สามารถรีไซเคิลได้", "ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล" ก็จบแล้วค่ะ กับวิธีเลือกกล่องพลาสติกมาเก็บอาหาร โดยมีเคล็ดลับเพิ่มเติมว่า ให้หลีกเลี่ยงการใช้ไมโครเวฟกับกล่องพลาสติกทุกชนิด หากไม่แน่ใจว่าสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้หรือไม่ อย่าใส่อาหารร้อนจัดลงในกล่องพลาสติกทันที เพราะอาจทำให้กล่องเสียรูปได้ และอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าการเลือกกล่องพลาสติกใส่อาหารที่ดีนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และเลือกกล่องที่เหมาะสมกับการใช้งาน ก็จะช่วยให้อาหารของเรามีความสดใหม่ และปลอดภัยต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ ที่ผู้เขียนเองก็ได้นำกล่องพลาสติกมาใส่อาหารเหมือนกัน โดยมีหลากหลายให้เหมาะสมกับอาหารที่มี โดยที่มีเยอะจะเป็นกล่องที่มีความคงทนต่อความร้อนค่ะ โดยมักเลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือได้ ส่วนอาหารแห้ง เช่น พริกป่น ข้าวคั่ว น้ำตาลทราย แบบนี้ใช้พลาสติกที่หาได้ทั่วไปแต่เป็นเกรดปลอดภัยสำหรับอาหารค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองนำข้อมูลนี้ไปเป็นแนวทางได้ค่ะ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://news.trueid.net/detail/BDjOXpG04lRM https://news.trueid.net/detail/J8eOaNxGPkMX https://food.trueid.net/detail/1X3pz1KA845M หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !