ประโยชน์ของหัวปลีนั้น มีมากมายหลายหลาก เราสามารถนำไปทำเป็นอาหารและยาได้ในเวลาเดียวกัน โดยอาหารที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดีก็ได้แก่ ต้มยำไก่ใส่หัวปลี ทอดมันหัวปลี ยำหัวปลี แกงเรียงหัวปลี นอกจากอาหารที่กล่าวมาแล้ว เรายังนำหัวปลีไปกินกับผลัดไทได้อีกด้วย สำหรับหัวปลีที่เรานิยมนำไปปรุงเป็นอาหาร ต้องเป็นหัวปลีของกล้วยน้ำหว้าเท่านั้น เพราะถ้าเป็นของกล้วยชนิดอื่น เมื่อนำไปทำอาหารอาจจะรับประทานไม่ได้ เพราะจะมีรสฝาด และขม เราจึงไม่นิยมนำไปประกอบอาหารหรือรับประทาน ส่วนสรรพคุณในทางยาของหัวปลีที่น่าทึ่งมีดังนี้ 1.ช่วยบำรุงโลหิต 2.ขับน้ำนม 3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด 4. ลดการอักเสบในร่างกาย 5. ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร 6. ถ้าประจำเดือนมามากเกินไป หัวปลีก็ช่วยได้ แม้หัวปลีจะมีสรรพคุณบำรุงเลือด แต่สำหรับสาว ๆ ที่ประจำเดือนมามากเกินไป (ต้องใช้ผ้าอนามัยเกิน 5 ชิ้นต่อวัน) หัวปลีจะช่วยลดปริมาณเลือดประจำเดือนได้ โดยหัวปลีมีสรรพคุณกระตุ้นร่างกายให้สร้างฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ช่วยให้ปริมาณเลือดประจำเดือนที่มามาก เกินความจำเป็นลดลงได้ หัวปลีของไทย นอกจากจะเป็นที่นิยมรับประทานกันในประเทศแล้ว ปัจจุบันยังเป็นที่นิยมรับประทานในหมู่ชาวต่างชาติอีกต่างหาก โดยชาวต่างชาติที่นิยมกินหัวปลีไทย คือกลุ่มที่ไม่นิยมบริโภคเนื้อสัตว์ เนื่องจากหัวปลีมีรสชาติที่คล้ายคลึงกับเนื้อสัตว์และยังมีแคลอรี่ต่ำ แถมยังมีสรรพคุณในทางยาอีก ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ราคาหัวปลีในต่างประเทศสูงถึงกิโลกรัมละ 1,000 บาท กันเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยทุกคน ที่หัวปลีของเราไปสร้างชื่อได้ไกลถึงต่างแดน ข้อควรระวังในการตัดหัวปลีจากต้นกล้วย การตัดหัวปลีจากต้นกล้วยนั้น หลายคนมองว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่น่าจะมีอะไร ต้องระแวดระวัง แต่ความเป็นจริงแล้ว มีอยู่อย่างหนึ่งที่ต้องระวังให้ดี สิ่งนั้นก็คือ อย่าให้ยางของต้นกล้วยหยดใส่เสื่อผ้าเป็นอันขาด เพราะเจ้ายางนี้ มันจะทำให้เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ เป็นคราบ โดยคราบที่ว่านี้สีมันจะคล้าย ๆ สีเลือด และข้อสำคัญคือ ไม่ว่าจะซักด้วยอะไร ก็ซักไม่ออก เพราะฉะนั้นทางที่ดี ควรใช้ความระมัดระวังอย่าให้โดยยางดังกล่าวเป็นดีที่สุด คมปากกา ภาพปก จาก ผู้เขียน ภาพประกอบที่ 1 จาก https://pixabay.com/photos/thai-curry-green-curry-curry-chili-1736806/ ภาพประกอบที่ 2 จาก https://pixabay.com/photos/thai-food-noodle-fried-noodles-meal-518035/ ภาพประกอบที่ 3 จาก ผู้เขียน ขอขอบคุณ https://pixabay.com ที่เอื้อเฟื้อ ภาพประกอบบทความ ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 มา ณ ที่นี้ด้วย