เดินทางมาถึงซีซันที่ 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับรายการแข่งขันทำอาหารที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบ้านเราอย่าง MasterChef Thailand ความพิเศษในปีนี้คือการคัดเอาผู้เข้าแข่งขันที่ไปไม่ถึงฝันในซีซัน 1 2 และ 3 มาประชันรสมือกันอีกครั้ง โดยใช้ชื่อซีซันว่า All Stars นั่นเอง ตั้งแต่เปิดการประชันฝีมือเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนได้งัดเอาฝีมือและประสบการณ์ออกมาห้ำหั่นกันอย่างเข้มข้น หลายคนพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นตัวเก็งคว้าจานที่ดีที่สุดไปหลายต่อหลายครั้ง บทความนี้จึงรวบรวมเอาเมนูเด็ดที่ถูกใจกรรมการ จากฝีมือการรังสรรค์จานอาหารที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลามมาฝากกัน เริ่มต้นที่ตัวเก็งเต็งจ๋าอย่าง 'ริซ่า' ผู้เข้าแข่งขันซึ่งมีตำแหน่งรองแชมป์ซีซัน 1 การันตีฝีมือว่าเด็ดไม่แพ้ใคร กลับมาครั้งนี้นอกจากจะพัฒนาฝีมือจนใกล้เคียงคำว่าเชฟมืออาชีพขึ้นไปทุกสัปดาห์ ริซ่ายังพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำ 'เลเยอร์เค้กในตำนาน' ซึ่งเคยทำให้เธอต้องออกจากการแข่งขันมาแล้วในซีซันที่ 1 แต่กลับมาคราวนี้ในเมนู 'พริกที่ว่าเผ็ดยังไม่เด็ดเท่าเค้กเรา' เลเยอร์เค้กของริซ่าที่สูงขึ้นอีกเป็น 6 ชั้น เนื้อเค้กช็อกโกแลตที่มีความเผ็ดจัดจ้านจากพริกซึ่งผสมผสานได้อย่างลงตัว ทำให้เธอได้รับคำชมจากคณะกรรมการไปอย่างล้นหลาม และคว้าจานที่ดีที่สุดไปได้สำเร็จอีกครั้ง ตามมาด้วย 'พลอย' จากตำแหน่ง 4 คนสุดท้ายของซีซัน 1 กลับมาครั้งนี้พลอยพัฒนาฝีมือจนได้รับฉายาเป็น 'เจ้าแม่กล่องปริศนา' เพราะการแข่งขันในรอบนี้พลอยมักถูกเรียกเป็นจานที่ดีที่สุดอยู่เสมอ ด้วยรสชาติและการจัดจานที่โดดเด่น อย่างเมนู 'อยากสุขภาพดีเหมือนล็อบสเตอร์' พลอยได้นำเสนอออกมาในรูปแบบอาหารสุขภาพ ใช้โปรตีนเป็นโพชล็อบสเตอร์ (Poached Lobster) รับประทานคู่กับอโวคาโด เมลอน และสตรอเบอร์รีดองในน้ำมะนาว พร้อมกับหน่อไม้ฝรั่งสีขาวและโหระพาอิตาเลียนที่นำไปผัด อีกทั้งยังมีออล็องแดซซอส (Hollandaise Sauce) ทำจากอโวคาโดที่มีครัมเบิ้ลพิสตาชิโอโรยอยู่ด้านบน จานนี้ถึงกับทำให้กรรมการเอ่ยปากชมไม่หยุด เป็นอาหารสุขภาพที่ขึ้นภัตตาคารหรูได้เลยทีเดียว ผู้เข้าแข่งขันอีกหนึ่งคนที่น่าจับตามองในซีซันนี้คือ 'เป่าเป้' เรียกได้ว่าเป็นม้านอกสายตาที่ฝีมือก้าวกระโดดพร้อมปาดตัวเก็งเข้าชิงได้ทุกวินาที ความคิดสร้างสรรค์และการตีโจทย์ของเป่าเป้ทำให้คณะกรรมการชื่นชมเธออยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นเมนู 'บัวลอยไปญี่ปุ่น' จากโจทย์สุดหินในการยกระดับขนมหวานของไทยอย่าง 'บัวลอยไข่หวาน' ให้ออกมาในสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว โดยใช้แป้งไดฟูกุแทนแป้งบัวลอย ห่อด้วยไอศกรีมรสฟักทองกับข้าวโพด แห้ว และแปะก๊วย การพัฒนาขนมหวานของไทยที่ดูธรรมดาให้กลายเป็นของหวานระดับนานาชาติ ทำให้เป่าเป้ได้รับคำชมและส่งให้เมนูของเธอเป็นจานที่ดีที่สุดประจำสัปดาห์ 'ลัท' รองแชมป์จากซีซัน 2 ที่กลับมาประชันฝีมือการทำอาหารอีกครั้งในปีนี้ แม้ในช่วงแรกจานอาหารของเธอยังไม่โดดเด่นจนเป็นที่หนึ่ง แต่ก็สามารถประคองตัวเองไม่ให้อยู่ท้ายตารางได้ทุกสัปดาห์ แต่เมื่อถึงรอบ 10 คนสุดท้าย เครื่องเริ่มร้อนไฟเริ่มมา ลัทได้คว้าจานที่ดีที่สุดจากเมนู 'ล้านนาสู่มิลาน' พัฒนาอาหารพื้นเมืองของภาคเหนืออย่าง 'ไข่ป่าม' ไข่ย่างที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากใบตอง ให้กลายเป็นอาหารอิตาเลียนสุดสร้างสรรค์ โดยการดัดแปลงให้เป็นทอร์เทลลินี (Tortellini) ไข่ป่ามหน้าตาทันสมัยดูเป็นสากล แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นพื้นถิ่นล้านนาเอาไว้ได้ ลัทพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าเธอสามารถทำอาหารคาวได้ดี ไม่ได้เก่งเฉพาะขนมหวานเพียงอย่างเดียว ม้ามืดอีกหนึ่งคนที่ประมาทไม่ได้เลยคือ 'เดียว' ผู้เข้าแข่งขันจากซีซัน 2 ที่กลับมาพร้อมฝีมือและความคิดสร้างสรรค์อันโดดเด่น เมนูเด็ดที่ทำให้กรรมการและผู้เข้าแข่งขันคนอื่นร้องว้าวได้ชื่อว่า 'ขนมหวานของแบร์ กริลลส์' จากโจทย์สุดท้าทายโดยการใช้วัตถุดิบที่เป็นอาหารแห่งอนาคตอย่าง 'แมลง' มาดัดแปลงให้เป็นขนมหวาน เดียวทำบราวนี่ (Brownie) ที่มีส่วนผสมของหนอนไหม อีกทั้งยังนำหนอนไหมไปเคลือบไวท์ช็อกโกแลต ตอกย้ำจานอาหารจากแมลงด้วยแป้งทาร์ตรูปรังผึ้ง เท่านั้นยังไม่พอ เดียวยังเลือกใช้แมงป่องที่มีพิษมาเป็นส่วนผสมในวุ้นที่นำเสนอออกมาในรูปแบบคล้ายอำพัน รับประทานคู่กับไอศกรีมน้ำผึ้ง เรียกว่าเป็นเมนูขนมหวานที่ต้องทำให้หลายคนเปลี่ยนใจมารับประทานแมลงกันมากขึ้นได้อย่างแน่นอน อีกหนึ่งคนที่น่าจะประคองตัวเองเข้าไปสู่รอบลึกได้สำเร็จนั่นคือ 'จ๋า' ผู้เข้าแข่งขันจากซีซัน 2 ผู้มีความคิดสร้างสรรค์และฝีมือการทำอาหารได้หลากหลายสไตล์ เมื่อถึงสัปดาห์ที่โจทย์เข้าทาง จ๋ามักสร้างสรรค์อาหารที่แปลกแหวกแนวจนได้รับคำชมอยู่โดยตลอด โดยเฉพาะเมนู 'ราวีโอลีใสซุปวัวและผองเพื่อน' แป้งราวีโอลี (Ravioli) ที่ทำจากน้ำสต็อกไขกระดูกวัว แต่ดัดแปลงให้เป็นแป้งแบบใสโดยเซ็ตด้วยผงวุ้น เรียกว่าเป็นแป้งราวีโอลีที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนในรายการ ภายในสอดไส้ตับบด เนื้อตุ๋น และหูหมู รับประทานคู่กับสลัดแซลมอน จานนี้ดูเหมือนเป็นอาหารอิตาเลียนธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และคำชมเรื่องรสชาติจากกรรมการที่จ๋าไม่เคยทำให้ผิดหวังนั่นเอง ปิดท้ายด้วยเทพประจำซีซัน 3 อย่าง 'เควส' ตัวท็อปฝีมือดีที่มักถูกเรียกเป็นจานที่ดีที่สุดในรอบต่าง ๆ อยู่อย่างสม่ำเสมอ กลับมาครั้งนี้เควสก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นำวัตถุดิบล้ำค่าอย่าง 'รังนก' มายกระดับให้ล้ำค่าขึ้นไปอีกด้วยเมนู 'ชีสเค้กรังนก' การผสมผสานระหว่างไวท์ช็อกโกแลตชีสเค้กที่ด้านบนเป็นเจลลี่รังนกรสบลูเบอร์รี รับประทานคู่กับซอร์เบท (Sorbet) รสพีชและส้ม เควสได้รับคำชมและพิสูจน์ตัวเองว่านอกจากจะเก่งกาจในการทำอาหารฝรั่งแล้ว ยังสามารถสร้างสรรค์ของหวานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะถูกกดดันด้วยคำว่าเทพ แต่เควสยังคงใช้ความสามารถเดินหน้าฝ่าฟันโจทย์ต่าง ๆ ไปได้ทุกสัปดาห์ รายการ Masterchef All Stars Thailand ได้เดินทางเข้าใกล้สัปดาห์สุดท้ายเพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเข้ามาทุกที นี่เป็นเพียงตัวอย่างเมนูที่โดดเด่นของผู้เข้าแข่งขันที่ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด คงพอจะได้เห็นกันแล้วว่าแต่ละคนงัดเอากลเม็ดเด็ดพราย เพื่อพิสูจน์ฝีมือและพาตัวเองเข้าไปสู่รอบลึกที่รอคอย ในขณะที่โจทย์แต่ละสัปดาห์เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามทุกคนสามารถรับชมรายการได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.00 น. ทางช่อง 7 HD หรือเว็บไซต์ TrueID ได้ด้วยเช่นกัน ต้องมาเอาใจช่วยและลุ้นกันไปจนถึงโค้งสุดท้ายว่าใครจะกลายเป็นผู้ครองตำแหน่ง MasterChef All Stars ไปครองได้สำเร็จ ขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก Official Facebook Page : MasterChef Thailand - มาสเตอร์เชฟประเทศไทย