ไหนมีใครชอบกิน “ขนมครก” กันบ้างไหมคะ? ตัวเราเองเป็นอีกคนที่ชอบกินขนมครกเช่นเดียวกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขนมครกสมัยใหม่ที่เน้นการทำแป้งด้านนอกให้บางกรอบ ตัวเนื้อขนมครกหวาน มัน เค็ม และท้อปปิ้งหน้าต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด เผือก ฟักทอง ฝอยทอง ไข่หวาน ต้นหอม ฯลฯ หรือจะเป็นขนมครกแบบบ้านๆ ที่เน้นความมันของกะทิแค่เพียงอย่างเดียว วันนี้เรามีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับขนมครกมาฝากกัน ขนมครกเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่โบราณขนมครกฝาเล็กๆ ที่ต้องนำมาประกบกันแบบนี้ไม่ใช่ขนมที่เพิ่งมีมาได้แค่เพียงไม่นาน แต่นับว่าเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลช่วงสมัยอยุธยาเชียวล่ะ โดยขนมครกโบราณสูตรทั่วไปนั้นมีส่วนผสมพื้นฐานแบบง่ายๆ แป้งข้าวจ้าวโม่ น้ำตาล กะทิและเกลือเล็กน้อย ขนมครกชาววังพัฒนาการอีกขั้นของขนมครกเราอาจจะคุ้นชินกับขนมครกหน้าต่างๆ เช่น ขนมครกหน้าไข่หวาน หน้ากุ้ง หน้าฟักทอง หน้าข้าวโพด หน้าเผือก หน้าต้นหอม เป็นต้น ทราบไหมคะว่าความจริงแล้วขนมครกหน้าแฟนซีเหล่านี้มีที่มาจากขนมครกชาววังที่หยิบยกเอาขนมครกแบบชาวบ้านทั่วไปมาพัฒนาสูตร ปรับเสริมเติมแต่งหน้าต่างๆ ให้หลากหลายเพื่อให้รสชาติอร่อยและน่าสนใจมากขึ้น มีขนมต่างประเทศที่รูปร่างหน้าตาคล้ายขนมครกเหมือนกันนะด้วยความใกล้ชิดติดกันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เราสามารถพบขนมที่คล้ายคลึงกันได้ในหลายๆ ประเทศอย่างในประเทศไทยจะเรียกว่าขนมครก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเรียกว่าขนมคก นอกจากนี้ยังสามารถพบขนมอย่างขนมครกในประเทศพม่า ชื่อว่าโมก หลีน-มะย้า เวลาทานจะโรยหน้าด้วยน้ำตาลแดง และอินโดนีเซียเรียกว่าขนมเซอราบี (Serabi) ที่เสิร์ฟพร้อมน้ำเชื่อมมะพร้าว ขนมครก ชื่อนี้มีที่มาด้วยความที่เป็นขนมที่เวลาเสิร์ฟจะต้องแคะออกมาจากหลุม อาจทำให้หลายๆ คนสงสัยว่าทำไมถึงได้ชื่อว่าขนมครก? ชื่อของขนมครกนั้นมีการบอกเล่าเอาไว้หลายอย่างเลยล่ะ ทั้งชื่อขนมครกที่ได้มาเพราะจะต้องใช้ครกใหญ่ๆ ตำเมล็ดข้าวจนกลายเป็นแป้ง หรือการใช้ครกโม่ข้าวจ้าวที่แช่น้ำไว้เพื่อนำมาทำเป็นขนมจนได้ชื่อเรียกว่าขนมครก หรือเป็นเพราะการเรียกชื่อเพี้ยนจากชื่อขนมต่างประเทศก็มี แคลอรีในขนมครกขนมครก 1 คู่อาจให้พลังงานมากถึง 90 kcal เชียวล่ะ มีทั้งคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และน้ำตาลแบบเน้นๆ ยังไม่นับรวมท็อปปิ้งต่างๆ ที่เสริมเข้ามาอีกด้วยเพราะฉะนั้นแล้วควรกินขนมครกแค่พอประมาณเพื่อป้องกันแคลอรีส่วนเกิน ขนมครกจิ้มน้ำตาลก็มีนะอย่างบ้านเราเองที่เป็นขนมครกสูตรทางใต้ที่เป็นขนมครกสูตรกะทิดั้งเดิม ไม่มีการเพิ่มท้อปปิ้งใดๆ ทั้งสิ้น เวลาขายก็จะแถมน้ำตาลทรายขาวมาให้โรยหน้าเพื่อแต่งรสให้ออกหวานกินง่าย ซึ่งจะไม่เหมือนกันกับขนมครกชาววัง ขนมครกสมัยใหม่ที่ตัวเนื้อขนมครกจะติดหวานและไส้ช่วยปรับรสอยู่แล้วจึงไม่ต้องจิ้มน้ำตาลและนี่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับขนมครก ที่เราอยากขอรวบรวมมาฝากเพื่อนๆ ที่ชอบกินขนมไทย ขนมครก ขนมครกโบราณเป็นชีวิตจิตใจ ขนมครกหน้าโปรด สูตรเด็ดของคุณเป็นแบบไหนอย่าลืมแชร์กันได้นะคะ https://food.trueid.net/detail/VlBwPpJ1D8m0 https://food.trueid.net/detail/owk78v8MbOKwภาพหน้าปก โดย ผู้เขียนภาพในเนื้อหาทั้งหมด โดย ผู้เขียน หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !