ในปัจจุบันมีกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งจะมีรสชาติแตกต่างกันในแต่ละประเทศ แต่ในประเทศไทยนั้น จะมี 2 สายพันธุ์หลัก ๆ ที่สามารถหาซื้อได้นั่นก็คือ อาราบิก้ากับโรบัสต้า แล้วก็มีการผสมนำอาราบิก้ากับโรบัสต้ามาผสมในสัดส่วนที่ต่างกัน ผู้เขียนจะขอไม่กล่าวถึงสายพันธุ์ของกาแฟ ในปัจจุบันกาแฟถือเป็นเครื่องดื่มที่หากินง่าย อีกทั้งยังมีวิธี สิ่งที่แตกต่างหลากหลายกันไป ทำให้เราสามารถเลือกหากาแฟมาดื่มได้ แต่วิธีในการชงกาแฟนั้นแตกต่างกันทำให้รสชาติกาแฟแตกต่างกันไปด้วย กาแฟสำเร็จรูป คือกาแฟที่คั่วบดไปแล้วนำไปสกัดเป็นน้ำกาแฟ แล้วแล้วไปผ่านกระบวนการอบแห้งกลายเป็นผง วิธีในการอบแห้งจะมี 2 วิธี นั่นก็คือ ภาพโดย Nat Aggiato จาก Pixabay การอบแห้งในระบบวิธีพ่นแห้ง (Spray drying) วิธีการนี้ร้านกาแฟจะผ่านเข้าไปในอากาศร้อน ทำให้หยดน้ำกาแฟที่ถูกพ่นออกมา กระทบกับความร้อนแล้วน้ำก็ระเหยออกไป เหลือเพียงผงกาแฟละเอียด การอบกาแฟในระบบแบบเย็น (Freeze drying) คือนำเอาน้ำกาแฟเข้มข้นแช่เย็นให้ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ภายใต้ความดันสูง จนกลายเป็นเกล็ดจะได้ผงกาแฟที่อยู่ในรูปของเกล็ดน้ำแข็ง ที่สามารถเก็บรักษากลิ่น และความหอมของกาแฟได้ดี ภาพโดย kalhh จาก Pixabay ซึ่งกาแฟสำเร็จรูปนั้น จะนำมาผสมกับครีม น้ำตาล และมีการแต่งกลิ่น ให้กลายเป็นความแปลกใหม่สำหรับผู้บริโภค แต่สำหรับคนที่ชอบรับประทานกาแฟที่ได้กลิ่นของกาแฟ อาจจะไม่ชอบการแต่งกลิ่นของกาแฟสำเร็จรูป ข้อดีของกาแฟสำเร็จรูปนั้น ชงหน้า พกพาไปดื่มที่ไหนก็สะดวก ปรุงแต่งได้หลายรสชาติ กาแฟดริป กาแฟดริปจะมีรสชาติและกลิ่นที่หอมชัดเจนกว่าแบบซอง ซึ่งเป็นวิธีการชงที่เหมาะสำหรับนักชงกาแฟ ที่ต้องการเพลินไปกับความหอมของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ จะให้กลิ่นอ่อน ๆ ที่แตกต่างกัน ซึ่งการชงกาแฟแบบดริปนั้น มีการบดกาแฟจากกาแฟที่คั่ว ต้องมีการใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 92 ถึง 96 องศาเซลเซียส โดยเติมผ่านตัวกรอง ส่วนใหญ่จะเป็นกระดาษกรอง ตัวกรองเอากากกาแฟที่จะตกลงไปพร้อมกับน้ำกาแฟ ซึ่งการชมแบบนั้นจะให้ปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่าราคาเครื่องชงกาแฟ และให้รสชาติที่นุ่มนวลกว่ากาแฟที่ชงด้วยเครื่องชงกาแฟ เพราะมีการกรองกากกาแฟได้ดีมากกว่าเครื่องชงกาแฟ ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay กาแฟที่ชงด้วยเครื่องชง เมล็ดกาแฟที่ผ่านการควบมาแล้ว ซึ่งถูกนำไปบ่น และอาจเข้าไปที่ช่องใส่กาแฟ ซึ่งกาแฟที่ชงด้วยเครื่องชงนั้น จะแตกต่างจากกาแฟสดที่ชงโดยแบบดริป กาแฟที่ได้จากเครื่องชงกาแฟนั้นจะผ่านแรงดันสูง สกัดเอาน้ำมันออกมา ทำให้รสชาติที่ออกมานั้นค่อนข้างเข้มข้น และออกไปทางขมมากกว่า ได้ปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าการชงแบบดริป ภาพโดย Pexels จาก Pixabay จากรูปแบบการชงกาแฟทั้ง 3 รูปแบบที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จะเห็นได้ว่ากาแฟแต่ละรูปแบบนั้น มีความง่ายและสะดวกแตกต่างกันไป กาแฟซองนั้นสามารถพกพาไปกินได้ทุกที่ แต่รสชาติและกลิ่นอาจจะสู้กาแฟสดที่ชงแบบคลิปหรือแบบเครื่องไม่ได้ และกาแฟสดที่เป็นแบบดริฟและแบบเครื่องต้องมีราคาแพงกว่า จะให้กลิ่นและรสชาติของกาแฟ ที่ดีมากกว่า ทำให้ใครหลายคนยอมที่จะจ่ายเงินในราคาที่แพง ให้ได้รสชาติและกลิ่นของกาแฟ อย่างไรก็ตามการดื่มกาแฟไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 แก้ว เพราะกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า แต่ไม่ใช่เครื่องดื่มร่างกายต้องการในปริมาณที่มากในแต่ละวัน การเลือกรับประทานกาแฟตามความชอบของแต่ละบุคคล ก็ควรคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวันด้วยเช่นกันค่ะ ภาพหน้าปกออหแบบโดยเว็บไซต์ออกแบบ https://www.canva.com/