Katsu Midori Sushi ร้านซูชิสายพานที่เพิ่งเปิดตัวสาขาแรกในประเทศไทยไปเมื่อช่วงปลายปี 2567 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากคนไทยอย่างล้นหลาม โดยตัวร้าน Katsu Midori Sushi เลือกทำเลทองอย่าง CentralWorld ชั้น 3 โซน Japan Avenue บนพื้นที่กว่า 700 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้ถึง 248 ที่นั่ง มีโซนที่นั่งให้เลือกทั้งแบบเคาน์เตอร์บาร์ แบบโต๊ะแยกเพื่อความเป็นส่วนตัว และโซนที่นั่งหน้าร้าน Katsu Midori Sushi อร่อยไหม? รอคิวนานไหม จองคิวยังไง? ราคาเท่าไหร่ วันนี้เราไปลองมาแล้วพร้อมรีวิวร้าน Katsu Midori Sushi มาฝากกันจ้า Katsu Midori Sushi จองคิวยังไง? เปิด-ปิด รับคิวตอนไหน สำหรับร้าน Katsu Midori Sushi สาขาแรกในไทย CentralWorld ชั้น 3 ไม่มีการเปิดรับคิวออนไลน์ ร้านจะรับลูกค้า Walk-in จำนวน 100 ท่านแรก จากนั้นจะต้องจองคิวผ่านแอปพลิเคชั่น QueQ ได้ตั้งแต่เวลา 09:50 น. โดยต้องอยู่ในรัศมี 200 เมตรจากร้าน Katsu Midori Sushi เท่านั้น และ Last order ของทางร้านจะอยู่ที่เวลา 21.30 น. เมื่อเดินเข้าร้านพนักงานจะแจก Payment Card ที่ระบุเลขที่นั่งมาให้เราด้วย บัตรนี้ใช้จ่ายเงินหลังทานเสร็จ Katsu Midori Sushi รอคิวนานไหม ส่วนตัวเราไปทานที่ร้านช่วงเช้าๆ ของวันเสาร์ ใช้เวลาในการรอคิวประมาณ 2-2.30 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่านาน แต่ข้อดีคือเราสามารถเดินเล่น ช็อปปิ้ง หาอะไรทำใน CentralWorld ได้เยอะมาก เลยทำให้รอได้แบบเพลินๆ หรือจะนั่งรอหน้าร้านก็ได้ ส่วนในวันธรรมดาคนจะน้อย เดินเข้าร้านได้เลยไม่ต้องคอยคิวนาน แต่ถ้าช่วงเย็นๆ ค่ำๆ คิวจะแน่น ใช้เวลารอคิวนาน รีวิว Katsu Midori Sushi ร้านซูชิสายพานจากโตเกียว เมนู ราคา อร่อยไหม? ร้าน Katsu Midori Sushi ตั้งอยู่ตรงหัวมุม ติดกับร้าน KALDI จำนวนคนรอหน้าร้านค่อนข้างแน่น ตัวร้านตกแต่งด้วยไม้เป็นหลักดูสวยงาม บริเวณหน้าร้านจะมีเมนูซูชิกล่องสำหรับการซื้อกลับบ้านไว้ค่อยจำหน่าย โดยจะทำสดใหม่ออกมาวางเรียงเรื่อยๆ สำหรับที่นั่งในร้านซูชิสายพาน Katsu Midori Sushi มีหลักๆ 2 แบบ คือ แบบเคาน์เตอร์ที่ล้อมรอบครัวกลาง เสริมอีกนิดในภาพจะเป็นช่วงที่ลูกค้าสั่ง ไข่ปลาแซลมอน (อิคุระ) หน้าล้น พนักงานจะตักเสิร์ฟแบบ 3 ช้อนพูนๆ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะประกาศให้ทั้งร้านรู้ไหม เชฟจะมาคอยปรบมือพร้อมส่งเสียงเชียร์ลั่นร้าน เราว่าสนุกดีค่ะ (แอบปรบมือผสมโรงไปด้วยหลายครั้งเลย 555+)และโซนโต๊ะแยกโดยจะหยิบซูชิจากสายพานที่เวียนมาตลอด อย่างไรก็ตามทุกโซนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนาทีทอง ซึ่งก็คือการเสนอขายเมนูพิเศษในราคาที่พิเศษยิ่งกว่าได้ หากใครสนใจรับเมนูก็สามารถยกมือเพื่อให้พนักงานนำมาเสิร์ฟได้เลย การสั่งซูชิเป็นการสั่งผ่าน Tablet เป็นหลัก และเราสั่งเมนูนาทีทองได้ด้วยการยกมือเพิ่มเติม เมนูของร้าน Katsu Midori Sushi มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น เมนูซูชิ ข้าวปั้นหน้าปลาต่างๆ เช่น แซลมอน ปลาเนื้อขาว ปลาหมึก เนื้อปลาปรุงสุก เมนู Roll, Gunkan เมนูอื่นๆ เช่น ปลาทอด ชีสทอด ไข่ตุ๋น ซุปหอย ซุปสาหร่าย ของหวาน เช่น พุดดิ้งต่างๆ เนโกะพุดดิ้ง เต้าหู้หวานอัลมอนด์ โมจิหยดน้ำ ไอศกรีม ราคา Katsu Midori Sushi จะแบ่งตามสีของจาน ดังนี้ สีแดง ราคา 40 บาท สีน้ำเงิน ราคา 50 บาท สีเขียว ราคา 60 บาท สีเหลือง ราคา 70 บาท สีน้ำตาล ราคา 80 บาท สีชมพู ราคา 90 บาท สีเทา ราคา 100 บาท สีขาวทอง ราคา 120 บาท สีแดงทอง ราคา 140 บาท สีทองล้วน ราคา 150 บาท สีน้ำเงินลายตาราง ราคา 160 บาท สีดำลายทอง ราคา 180 บาท **ราคานี้ไม่รวม VAT และ Service Charge** อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่มีอยู่บนโต๊ะ ไม่ต่างจากร้านซูชิสายพานอื่นๆ โดยจะมี ผงเกนไมฉะ (ชาข้าวคั่ว) ที่กดน้ำร้อน ขิงดอง แก้ว+ถ้วยซอส ตะเกียบ ทิชชู่เปียก ส่วนซอสมี 2 แบบ คือ Ponzu Vinegar ที่จะมีความเปรี้ยวนำ และ Soy Sauce วาซาบิจะอยู่บนถ้วยในสายพาน มี 2 แบบ คือ ซอง Grated WASABI ซองนี้เนื้อจะเนียนกว่า มีรสชาติเผ็ดและฉุนมากกว่า ส่วนอีกซอง WASABI-O ซองนี้จะมีความเป็นก้อนๆ รสชาติไม่เผ็ด ไม่ฉุน ส่วนเกลือแบบซองร้านนี้ไม่มีค่ะ ตัดมาที่ซูชิกันเลยค่ะ ความดีงามของซูชิสายพานร้าน Katsu Midori Sushi คือ หน้าซูชิล้นมาก มาแบบเบิ้มๆ ทุกชิ้น นอกจากนั้นการกดสั่งผ่านทาง Tablet เราสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะเอาข้าวมากหรือน้อย (Small) ทำให้เราลดปริมาณข้าวต่อคำให้น้อยลงได้ โดยหน้าซูชิมีทั้งเนื้อปลา ปลาสับ ปลาไหล แฮม อร่อยทุกคำ คำนี้เป็น Katsu Midori Sushi หน้าปลาตัวเล็กๆ มีความมันๆ มีต้นหอมช่วยลบความคาว ซูชิหน้ากุ้งหวานแบบตัวใหญ่มาก จานนี้คนสั่งเยอะมากๆ เนื้อกุ้งหวาน มัน กินคู่กับซอสและขิงดองอร่อยดีเลย ปลาทูน่า เนื้อนุ่ม หวาน มัน ไม่คาว ปลาซาบะดอง ก็ไม่ควรพลาดค่ะ เนื้อปลาซาบะที่ดองมาจะมีความแน่นมากขึ้นหน่อย รสอมเปรี้ยวนิดๆ ปลาชิ้นหนา เต็มคำ ชิ้นนี้เป็นเมนูเสริม ปลาทอดกรอบอร่อยมาก เนื้อปลากรอบร่วน ทอดมาดี ไม่อมน้ำมัน กินคู่กับมายองเนสเปรี้ยวๆ ซูชิคำอื่นๆ ก็อร่อย มีหน้าไข่ปลา ไข่กุ้ง จานเขียวด้านล่างเป็นซูชินาทีทองที่เราสั่งมาด้วย เนื้อปลาฮามาจิ สด หวาน และมันมากๆ อร่อยดี ส่วนเมนูของทอดก็อร่อย ซุปโครงกระดูกปลา (ขวาล่าง) ราคา 70 บาท เราว่าดีเลย ซุปกลมกล่อม ได้ชิ้นเนื้อปลาเยอะ อิ่มของคาวแล้วปิดท้ายด้วยของหวาน เนโกะพุดดิ้ง น้องแมวเด้งดึ๋ง ที่ตากับจมูกเป็นเมล็ดงาดำ เนื้อพุดดิ้งนมเนียน นุ่ม มีความแน่น ไม่เหลว รสมันๆ หวานอ่อนๆ หอมกลิ่นนมสด กินกับแยมเบอร์รี่รสเปรี้ยว หวาน ด้านล่าง อร่อยเลย อีกถ้วยเราสั่งเป็นเจลลี่กาแฟ ด้านล่างเป็นเจลลี่กาแฟที่ขมเลย ขมเพียวๆ ถ้าใครชอบกินกาแฟเข้มๆ อาจจะทานไหว แต่ถ้าใครกินกาแฟขมๆ ไม่ได้อาจจะยากไปหน่อย ด้านบนเป็นวิปครีมมันๆ หลังจากที่เรากินเสร็จ ให้กดปุ่มเรียกพนักงานที่ Tablet พนักงานจะมานับจานอาหารบนโต๊ะ และสแกนการ์ดจ่ายเงินที่เราได้มาตอนเข้าร้านเพื่อให้เรานำไปจ่ายเงินด้านหน้าทางเข้าร้าน บริเวณด้านหน้ามีซอสทั้ง 2 ตัว และผงเกนไมฉะ แบบเดียวกับในร้านวางขายด้วย ใครอยากซื้อกลับก็เลือกซื้อได้เลย ทานเสร็จแล้วเดินมาจ่ายเงินด้านหน้าร้าน สามารถจ่ายได้ทั้งเงินสด และบัตรต่างๆ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น มื้อนี้ 2 คน รวม service charge และ vat เข้าไปด้วย รวมประมาณ 1,300 บาท ซึ่งเป็นราคาที่พอๆ กันกับร้านซูชิสายพานร้านอื่นที่เราเคยกิน ความประทับใจคือร้านใหญ่โต มีกิจกรรมให้เราร่วมสนุก หน้าซูชิได้เนื้อเยอะมาก ซูชิอร่อยคุณภาพดี ปรับลดปริมาณข้าวได้ตามชอบ มีราคาซูชิให้เลือกหลายระดับตั้งแต่ 40-180 บาท อีกอย่างเราชอบเกนไมฉะที่ให้ดื่มฟรี หอมอร่อยเลย ขิงดองก็ดี แต่มีจุดติดบ้างเหมือนกัน คือในร้านจะค่อนข้างจอแจ เสียงดัง จำนวนคนเข้าร้านเยอะ ช่วงสายๆ เย็นๆ เมนู sold out เยอะมาก (ตอนที่เราเข้าไปเป็นบ่ายสองวันเสาร์ เมนูหน้าปลาแซลมอนสดหมดเยอะเลย) คิดว่าเป็นร้านซูชิสายพานที่ถ้าจำนวนการเข้าร้าน Stable มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นหน่อยก็เป็นอีกร้านที่แวะมากินได้เรื่อยๆ ภาพหน้าปก (1) จาก Katsu Midori Thailand ภาพในเนื้อหาทั้งหมด โดย ผู้เขียน หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !