ช่วงเมษายน ถึงพฤษภาคมของทุกปี ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่สะตอให้ผลผลิต ต้นสะตอจะมีฝักเขียวๆ ห้อยระโยงระยางเต็มต้น สะตอจะมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน สะตอบางสายพันธ์ุจะไม่ค่อยมีกลิ่นรุนแรง แต่บางสายพันธ์ุก็มีกลิ่นฉุนจัด วันนี้เจ้าของบทความได้สะตอมาจากบ้านน้าหลายฝัก เม็ดโตๆ แก่จัด สะตอสามารถทานเป็นผักสดแนมกับแกงเผ็ด อร่อยเลย หรือบางคนนิยมทานโดยการเอาไปย่างไฟ จะช่วยลดกลิ่น หรือทำเป็นสะตอดอง หรือทำเป็นเมนูกับข้าว อย่างแกงเผ็ดสะตอที่จะนิยมแกงทั้งเปลือก โดยมีการขูดผิวสะตอออกเล็กน้อย แต่ถ้านำไปประกอบอาหารจำพวกผัด จะนิยมแกะเป็นเม็ดๆไปปรุงอาหาร วัตถุดิบ สะตอแกะเม็ด 2 ฝัก หมูสับ 1 ขีด กะปิ น้ำปลา / ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า ครึ่งถ้วย น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย กระเทียม น้ำมัน มะนาว พริกขี้หนูหั่น วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่กระเทียมสับลงไป เจียวให้กระเทียมเหลือง หลังจากนั้นใส่หมูสับ ผัดให้หมูสับสุก 2. นำกะปิมาละลายกับน้ำเปล่า ละลายกะปิจนไม่เหลือเป็นก้อน ใส่ลงไปผัดให้เข้ากันกับหมูสับ ปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย น้ำมันหอย และน้ำปลา/ซีอิ๊วขาวเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน ผัดจนได้กลิ่นหอมของกะปิ (บางคนอาจจะละลายกะปิพร้อมปรุงรสเครื่องปรุงลงไปในขั้นตอนละลายนี้เลย) ชิมรสตามชอบ เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่กะปิ กะปิที่เลือกมาเป็นกะปิจากภาคใต้ ซึ่งเป็นกะปิสำหรับการตำน้ำพริก สังเกตจากสีของกะปิจะเป็นสีม่วงคล้ำ มีกลิ่นหอม เมื่อนำมาผัดจะได้รสชาติดี หอม อร่อย 3. หลังจากนั้นใส่สะตอ หอมแดงซอย พริกขี้หนูหั่น ผัดให้สะตอสุกนิดหน่อย ตามด้วยการบีบน้ำมะนาวเล็กน้อยเพื่อตัดรสชาติ 4. ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ จะได้กลิ่นสะตอหอมๆ จะได้เมนูหมูสับผัดกะปิสะตอ ที่จะมีรสชาติของกะปิเค็มนำ ตามด้วยหวานเล็กน้อย เผ็ดนิดหน่อยจากพริกขี้หนู และมีรสเปรี้ยวตามนิดๆ ได้ความหอมของมะนาว จะทานคู่กับแกง ประเภทแกงส้ม หรือทานคู่กับไข่เจียว ไข่ดาว ก็เข้ากัน หรือจะทานเป็นอาหารจานเดียว ราดข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อย แกล้มด้วยแตงกวา ลองไปทำทานกันดูนะคะ อ้อ ขอเตือนเล็กน้อย หลังจากทานเสร็จจะมีกลิ่นปากอบอวลไปด้วยสะตอในปากเป็นระยะเวลานาน ทานเสร็จควรแปรงฟันให้สะอาด และเตรียมลูกอม หรือหมากฝรั่งไว้ดับกลิ่นกันด้วยนะคะ เท่านี้เราก็ทานสะตอได้อย่างหมดกังวล เครดิตภาพ : ถ่ายโดยเจ้าของบทความ