สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ นักอ่านทุกคน วันนี้ผู้เขียนจะมารีวิว การคั่วเมล็ดมะม่วงหิมพานต์แบบบ้าน ๆ (ภาษาใต้ เรียกว่า "คั่วหัวครก" ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของผู้เขียนเอง) ผู้เขียนได้ไปเก็บเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ปลูกไว้บริเวณสวนยางพารา การเก็บเมล็ดมะม่วงหิมพานต์จะต้องเก็บลูกที่สุก ยอดของมะม่วงหิมพานต์นำไปกินกับขนมจีนอร่อยมาก วิธีการนำไปทานคือเด็ดใบอ่อน ๆ มา แล้วล้างยางให้หมด ส่วนเมล็ดนำไปคั่วมีรสชาติเฉพาะหอม มัน และกรอบ ซึ่งในปัจจุบันหาดูได้ยากมาก เรามาดูวิธิการคั่วเมล็ดมะม่วงหิมพานต์กันเถอะคะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม กระทะสำหรับคั่ว ต้องเป็นกระทะที่มีการเจาะรูเพื่อน้ำมันออกจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ไม้พายสำหรับคั่วสามารถใช้ไม้อะไรก็ได้ที่มีอยู่ในท้องถิ่น ไม้ฟืนสำหรับมาใช้ก่อไฟ ขั้นตอนในการคั่วเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เก็บเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ นำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์มาตากแห้ง ก่อไฟและตั้งกระทะสำหรับคั่ว นำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ใส่ลงในกระทะ เมื่อคั่วจนได้ที่ก็นำกระทะคั่วลงสู่พื้นดินเพื่อป้องกันไฟไหม้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เมื่อเม็ดมะม่วงหิมพานต์หายร้อนเราก็นำเมล็ดมะม่วงมากระเทาะเปลือกออก โดยใช้ไม้ทุบเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เมล็ดข้างในแตกละเอียดจนเกินไป ซึ่งการคั่วแบบบ้าน ๆ จะมีรสชาติเฉพาะที่ หอม มัน กรอบ อร่อย การคั่วเมล็ดมะม่วงหิมพานต์แบบบ้าน ๆ นี้จะหาดูได้ยากมากในปัจจุบัน ซึ่งบางคนอาจจะได้ทำในชีวิตวัยเด็ก ถ้าใครคิดถึงและอยากจะทานแบบคั่วเองก็สามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป แต่ในเมืองกรุงอาจจะไม่มี ก็สามารถซื้อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์แบบคั่วสำเร็จรูปได้คะ ข้อควรระวังสำหรับคนที่อยากลองคั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์คือ ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ควบคุมไฟให้มีความร้อนสม่ำเสมอ และระมัดระวังในทุกขั้นตอนการทำ และเลือกสถานที่ที่เหมาะสมกับการทำ เช่น พื้นดินที่ไม่มีหญ้าแห้งง่ายต่อการติดไฟ เป็นต้น เมล็ดมะม่วงหิมพานต์จะอร่อย และยังมีประโยชน์มากมาย เช่น ลดการก่อตัวของนิ่ว และใบช่วยต้านมะเร็ง ประโยชน์เยอะขนาดนี้ต้องหามาทานแล้วนะคะ รูปภาพและบทความทั้งหมดโดยผู้เขียนคะ