“น้ำพริก” เป็นของฝากจากทุก ๆ จังหวัดในประเทศไทย ไม่ว่าจะไปเที่ยวจังหวัดไหน เราก็จะได้น้ำพริกจากถิ่นนั้น ๆ ติดมือกลับมาเสมอ ทั้งเพื่อเป็นของฝาก ทั้งเพื่อเก็บไว้เป็นอาหารติดตู้เย็น เมื่อเวลาไม่รู้จะกินอะไรดี ก็ทำไข่เจียวร้อน ๆ กินกับน้ำพริกก็ยังดี เราเป็นคนชอบกินน้ำพริก ถ้าเป็นน้ำพริกแห้งด้วยแล้ว จะชอบมากเป็นพิเศษ เมื่อได้ของฝากจากจังหวัดพัทลุงเป็นน้ำพริกแห้ง ภายใต้ชื่อ “น้ำชุบพลกแม่สร้อย” ก็เริ่มสนใจทันที เพราะมีความแปลก ตั้งแต่การนำ “น้ำชุบ” มาปาดใส่ใน “พลก” คำว่า “น้ำชุบ”ในภาษาใต้ หมายถึง “น้ำพริก” ส่วน “พลก” หมายถึง “กะลามะพร้าว” เมื่อตัดพลาสติกที่ซีนออก ลองเอามาดมดู ก็ได้กลิ่นหอม ๆ ของแมงดานาอย่างชัดเจน แต่ไม่ใช่นะ กลิ่นนั้นไม่ใช้แมงดานา แต่เป็น “ใบทัมมัง” ใบไม้ชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นเหมือนแมงดานา ซึ่งชาวใต้จะนำมาเป็นส่วนประกอบของน้ำพริก ดมกลิ่นหอม ๆ แล้ว ก็ต้องชิมกันสักหน่อย วิธีการกินก็คือ ใช้ช้อนขูดเนื้อน้ำพริกออกจากกะลา นำมาคลุกข้าว กินกับผักสด หรือผักลวกก็อร่อยเลยล่ะ ขอบคุณภาพ "แม่สร้อย" จาก ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทอง ด้วยความแปลก ที่ “แม่สร้อย” นำน้ำพริกมาใส่กะลาขายแบบนี้ และเมื่อได้ชิมกันแล้ว ก็ได้รับรสชาติของความอร่อย ทำให้ “น้ำชุบพลกแม่สร้อย” จึงได้รับความนิยมอย่างมาก แม้เราจะได้น้ำชุบพลกมาเป็นของฝาก แต่ด้วยความอร่อย เราก็เลยต้องหาข้อมูลต่อ เพื่อจะได้สั่งซื้อเองบ้าง จนได้รู้ว่า น้ำชุบพลกแม่สร้อยราคากะลาละ 25 บาทเท่านั้น ซึ่ง 1 กะลาที่เราลองขูดมานั้น ปริมาณเท่ากับน้ำพริก 1 ถ้วย กินคนเดียวไม่หมด สามารถจัดใส่ถ้วย จัดผักสด เป็นหนึ่งเมนูที่น่าสนใจอย่างมาก บนโต๊ะอาหาร “น้ำชุบพลก” สำหรับคนใต้นั้น เป็นน้ำพริกที่กินกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายแล้ว ทุกครัวเรือนจะทำกินกันเอง และวันนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น เมื่อแม่สร้อย “อุษาวดี บุญคำ” ชาวจังหวัดพัทลุง ได้ทำขึ้นมาเพื่อจำหน่ายเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น จากยอดจองที่ลูกค้าสั่งของมา ที่ “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง” ตำบลลำสินต์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ขอบคุณภาพจาก ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทอง ส่วนผสมของ “น้ำชุบพลก” ประกอบด้วย กะปิ กุ้งแห้ง ปลาย่าง ปลากรอบ พริกขี้หนู กระเทียมกลีบเล็ก (จะหอมกว่ากระเทียมกลีบใหญ่) หอมแดง และที่ขาดไม่ได้คือ ใบทำมัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะชอบกลิ่นคล้าย ๆ กลิ่นแมงดานาทุกคน ดังนั้น การผลิตจึงมีแบบไม่ใส่ใบทัมมังด้วย วิธีทำ นำกุ้งแห้งกับปลากรอบลงครก โขลกให้ละเอียด ตามด้วยกระเทียม พริกขี้หนู หอมแดง ใบทำมัง โขลกให้ละเอียด ตามด้วยปลาย่าง เมื่อทุกอย่างละเอียดแล้วใส่กะปิลงไปโขลกจนทุกอย่างเข้ากันดี จากนั้นนำน้ำพริกใส่ลงในกะลาลูกเล็กที่ผ่าซีก ที่นำเนื้อมะพร้าวออกผ่าซีกทำความสะอาดไว้แล้ว ปาดน้ำพริกให้ติดกับกะลา แล้วนำไปย่างไฟจนแห้ง มีกลิ่นหอมของกะปิและใบทัมมัง โดยปกติเราเป็นคนชอบทำน้ำพริกแห้ง ถ้าทำเองก็จะทำแบบง่าย ๆ ใส่กะปิ กระเทียม พริกขี้หนู ปลาทูทอด ฉีกเอาแต่เนื้อ โขลกทุกอย่างให้เข้ากัน แต่สูตรอร่อยจริง ๆ ก็สูตร “แม่สร้อย” นี่แหละ แต่ละกะลาถูกซีนมาอย่างดี ทำให้น้ำพริกเก็บไว้ได้นาน เหมาะที่จะเป็นอาหารแห้งที่เก็บไว้ในตู้เย็นที่บ้านอย่างมาก ข้อมูลเพิ่มเติม “น้ำชุบพลกแม่สร้อย” สั่งซื้อได้ที่ โทร. 089-599-1361 และที่ เพจ ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทอง ภาพประกอบโดย :: ฉันท์ชมา - ผู้เขียน