เมื่อพูดถึงอาหารป่าหายากส่วนมากจะสามารถกิน ได้เฉพาะฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่งเท่านั้น วันนี้ผู้เขียนจะขอแนะนำให้รู้จักกับดอกก้านและดอกนางแลว วัตถุดิบจากป่าที่มีคุณค่าทางโภชนาการ หากินยากประโยชน์มากและที่สำคัญ ทำเป็นเมนูอาหารพื้นบ้านได้อร่อยที่สุด ดอกก้าน ดอกก้าน หรือ บุกอีรอก พืชชนิดหนึ่งที่ออกในป่าจะหากินได้ในต้นฤดูฝนเท่านั้นมีลักษณะเป็นต้นสูง เป็นพืชตระกูลบุกหรือบอน ส่วนปลายจะมีเกสรเหมือนกับรังไข่ เวลานำมาทำอาหารจะต้องมีวิธีการที่ซับซ้อนโดยการต้ม ประมาณ 2-3 ครั้งเพื่อที่จะไม่ให้เกิดอาการคันคอในเวลารับประทาน ที่สำคัญดอกตำลึงมีสรรพคุณเป็นยาขับเสมหะ ช่วยให้เจริญอาหาร และ ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ดีด้วย เมนูแกงดอกก้าน ของภาคเหนือตอนบน เป็นการทำอาหาร โดยใช้วัตถุดิบ ดังนี้ 1. ดอกก้าน 300 กรัม 2. ยอดมะขาม 100 กรัม 3. พริก กระเทียม 100 กรัม 4. กะปิ ปลาร้า 70 กรัม วิธีการทำ นำดอกก้านปอกเปลือก ด้านนอกออกให้หมด จากนั้นหักเป็นท่อนประมาณ 1 นิ้วครึ่ง นำไปต้มในน้ำเดือด ประมาณ 10 นาที จากนั้นนำมาล้างและต้มอีกครั้งหนึ่งประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วเอาน้ำที่ต้มออก ใส่น้ำลงไปอีกครั้ง ต้มอีกประมาณ 25 นาที ต่อด้วยน้ำพริก;กระเทียม กะปิ ปลาร้า ที่โขลกให้เข้ากันแล้วใส่ลงไป ตั้งจนหายกลิ่นหืนของพริก ใส่ยอดมะขาม ปรุงรสด้วยผงปรุงรส เพียงเท่านี้ก็จะได้แกงดอกก้าน ทานกับข้าวเหนียวอุ่น ๆ อร่อยมาก ดอกก้าน ยังสามารถนำมาแกงกับชะอมและเห็ด โดยสามารถใส่ผักพื้นบ้านต่าง ๆ ได้อีกแบบหนึ่ง โดยรสชาติจะแตกต่างจากการแกงใส่ยอดมะขาม ดอกนางแล้ว ดอกไม้ป่าที่สามารถมาทำเป็นอาหารและมีสรรพคุณทางยา สามารถพบเห็นได้ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ และมีความชื้นสูง ส่วนมากจะพบเห็นในช่วงเดือน ตุลาคม ถึง พฤศจิกายน มีสรรพคุณในการช่วยรักษาอาการเจ็บเอว และ ช่วยให้บั้นท้ายรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเกิดอาการตึง ดอกชนิดนี้สามารถนำมาทำเป็นอาหาร ได้หลายชนิดเช่น แกง ลวกกับน้ำพริกหรือ ทอด วันนี้ก็เขียนจะขอแนะนำ เมนูแกงดอกนางแลว สูตรภาคเหนือตอนบน โดยมีวัตถุดิบดังนี้ 1. ดอกนางแลว 100 กรัม 2. ชะอม 80 กรัม 3. ผักเสี้ยว 80 กรัม 4. เห็ดหูหนู 80 กรัม 5. พริกแห้ง กระเทียม 60 กรัม 6. กะปิ ปลาร้า 50 กรัม วิธีทำ นำพริกแห้ง กระเทียม กะปิ ปลาร้า โขลกให้ละเอียด นำลงต้มในน้ำเดือด ประมาณ 10 นาที จากนั้นนำดอกนางแลว ชะอม ผักเสี้ยว ใส่ลงไป ตั้งไว้ประมาณ 5 นาที ใส่เห็ดหูหนู ปรุงรสด้วยผงปรุงรส เพียงเท่านี้ก็จะได้ แกงดอกนางแลว ที่อร่อยทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ เข้ากันได้ดีมาก ๆ อาหารป่า 2 ชนิดนี้หาทานได้ตามฤดูกาล หรือตามช่วงเวลา ด้วยสรรพคุณที่เป็นยาและหาทานยากบางช่วง จะมีราคาสูง หากท่านได้ลองทานสักครั้งรับรองจะติดใจในความอร่อยอย่างแน่นอน หมายเหตุ ผู้เขียนเป็นผู้ถ่ายรูปเองทั้งหมด