#หนีเขา(ใหญ่)มาเข้าวัง(น้ำเขียว) เอนกายริมบึง ณ.โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว ผมเคยคิดบ่อยๆ ว่าเราอยู่กับป่ากับเขา เขาใหญ่ก็มีอะไรซ้ำๆ เดิมๆ อยากจะไปนั่งโง่ๆ ที่ริมทะเล แต่หลังจากที่พูดแล้วล้วงกระเป๋าดูเงิน พบว่ามีแค่ไม่กี่ร้อย โอเคครับ...สรุปว่าผมไม่ต้องไปนั่งทะเลผมก็โง่ แต่จะทำยังไงล่ะ ? ในเมื่อผมออกจากเขาไม่ได้เลย เงินเท่านี้จะออกไปสระบุรีใกล้ๆ ยังยาก ท้ายทีสุด คืนหนึ่งหลังจากที่งานเลี้ยงร่ำสุราของผมกับเพื่อนจบลง ต่างก็ตกลงว่าเราน่าจะไปหาที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจในจุดใกล้ๆ แต่ไม่เหมือนเดิม โจทย์ค่อนข้างกว้าง แต่เพราะเพื่อนคนหนึ่งในทีมและผมเองมีสถานที่ในใจอยู่แล้ว จึงเสนอว่า “อยากจะไปโรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” ผมไม่ได้ตอบตกลง แต่ใช้เวลาสักพักเพื่อเสิร์ชหาข้อมูล ก่อนจะปลงใจและนัดเวลากันด้วยความรวดเร็ว สถานที่ดังกล่าวนั้นอยู่ห่างจากเขาใหญ่ประมาณ 65 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่มาก เราเลยตั้งที่นั่นเป็นจุดหมายหลักแล้วเดินทางในเช้าวันต่อมาหลังจากที่แอลลกอฮอล์ไม่มีผลใดๆ ต่อร่างกายแล้ว จากข้อมูลที่ผมเสาะหามา “โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” แห่งนี้นั้นเป็นหลายสิ่งหลายอย่างในองค์ประกอบเดียว ทั้งศูนย์การเรียนรู้การเกษตร การปลูกกาแฟจนถึงการคั่วกาแฟ สามารถเรียกได้ว่าที่นี่มีตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงเส้นชัยของการผลิตกาแฟ แถมยังต่อยอดไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ด้วย ซ้ำยังเป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย ที่นี่จึงมีความหลากหลายมากพอๆ กับความดังที่มีบรรดานักท่องเที่ยวแห่แหนมาชมมาเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย แต่ผมโชคดีเสียหน่อย ที่มาวันธรรมดา คนอาจจะไม่เยอะมาก จึงสงบ ร่มเย็น และไม่วุ่นวายมากนัก(ซึ่งมันเป็นปกติของสถานที่ฮิตอยู่แล้ว) ผมกับเพื่อนตั้งใจมาพักผ่อนหย่อนกาย คงไม่ได้เข้าไปดูในส่วนของโรงคั่วใดๆ ซึ่งหากมีโอกาสคงได้กลับมานำเสนอเรื่องราวให้ทุกๆ คนได้รับชมกัน แต่วันนี้ผมขออาศัยความสงบที่นี่พักกับเรื่องแย่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาตลอดปีสักหน่อย...หวังว่ามันจะช่วยได้ แม้จะแค่เพียงบางเบาก็ตาม โรงคั่วกาแฟแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว เส้นทางเดียวกับการเดินทางไปพักแรมกางเต็นท์ผาเก็บตะวัน ตรงเข้าไปยังซอยไทยสามัคคี 5 และจะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ แต่สิ่งที่ป้ายไม่ได้บอกคือเส้นทางค่อนข้างจะทรหดอดทนอยู่ประมาณหนึ่งครับ มีหลุมมีบ่อพอประมาณ เรียกได้ว่ากว่าจะถึงปลายทาง ผมกับเพื่อนก็หัวโยกหัวคลอนอยู่ประมาณหนึ่ง ส่วนของร้านกาแฟที่ผมเข้ามาในครั้งนี้ แค่เฉพาะพื้นที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรมากนัก จอดรถแล้วเดินตามทางคอนกรีตเล็กๆ เข้าไป ด้านขวามือจะมีนาจำลองต้อนรับ แต่วันนี้คงไม่ใช่ฤดู เพราะว่าดูเหมือนข้าวยังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก (หรืออาจเพิ่งปลูก...ส่วนนี้ก็น่าคิด) เข้ามาถึงด้านในก็ตรงดิ่งไปยังห้องกาแฟที่เปิดต้อนรับอยู่ ร้านเป็นแนวไทยทันสมัย มีการประดับตบแต่งได้ดี เรียบง่ายแต่ชัดเจน มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งภายในร่มของส่วนร้าน และจุดนั่งชมบึงที่มีเงาจากแมกไม้คอยปกป้องแสงแดดต่างหลังคา ราคาเครื่องดื่มที่นี่ไม่แพงครับ เริ่มต้นที่ 50-55บาท จบไม่ต่ำกว่าร้อย ดังนั้นยังถือว่าราคาไม่โหดเกินไป ซ้ำยังมีเค้ก ผลไม้ดองและขนมปังสังขยาขายเพิ่มเติมอีกด้วย หลังจากที่ได้รับกาแฟมา ผมมีความรู้สึกได้เลยว่าวันนี้อากาศเย็นมากๆ เย็นจนเรียกได้ว่าหนาวมากกว่าความสบาย แต่อาหารตาที่เป็นสีเขียวขจีตรงหน้าก็ช่วยได้มาก น้ำใสไหลเย็น แนวการสั่งเครื่องดื่ม ทางร้านจะแนะนำให้ทุกๆ คนที่มาด้วยกันเขียนเมนูลงในบิลเดียวกันเพื่อความสะดวก และที่สำคัญ ทางร้านไม่มีเมนูปั่น ด้วยความที่ผมรองท้องด้วยอาหารเช้าก่อนออกเดินทางมาบ้างแล้ว วันนี้ที่มาก็เพื่อตั้งใจเก็บบรรยากาศทั้งหมด จึงสั่ง เอสเพรสโซ่เย็นหนึ่งแก้ว แล้วมานั่งซึมซับความเย็นของช่วงเวลาสายๆ ข้างบึง รสชาติของกาแฟนั้นกำลังดีครับ ไม่ได้เข้มมากจนเกินไป เหมาะสำหรับคอกาแฟทุกเพศทุกวัย ไม่ได้สั่งของหวานมาทานเคียง สายลมรอบกายเวลาสายๆ นั้นเย็นสบายจนเรียกได้ว่าแอบสั่นระริกเบาๆ เข้าเดือนธันวาคมแบบนี้ อากาศหนาวๆ กับโอโซนชั้นดีคงไม่มีอะไรทำลายความภิรมย์ของช่วงเวลานี้ไปได้ เนื่องจากที่ผมมาเป็นวันธรรมดา จึงมีพื้นที่ให้เดินเล่นสำรวจนั่นนี้ไปเรื่อยตามอำเภอใจ หาเก็บภาพสวยๆ มาฝากกันได้มากมายหลายมุมครับ นอกเหนือจากบรรยากาศ ทางโรงคั่วก็มีผิตภัณฑ์จากกาแฟมาวางขายอีกด้วย แม้ว่าบริเวณของร้านกาแฟจะไม่ได้กว้างมากนัก บางคนอาจคิดว่าถ้ามาเพื่อทานกาแฟและชมบรรยากาศอาจจะไม่คุ้มอย่างเต็มที่ นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะใกล้กันนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายรอต้นรับอยู่ ทั้งพุทธอุทยานคำชะโนดวังน้ำเขียว ไร่สตรอเบอร์รี่ที่มีอยู่ตลอดเส้นทางในช่วงหน้าหนาว ให้เข้าไปเก็บบรรยากาศและชิมผลไม้สดๆ ได้ฟรีอีกต่างหาก ทั้งหมดทั้งมวลผมว่ามันเป็นความคุ้มค่าในหลายๆ แง่มุมครับ ทั้งมาเที่ยวจิบกาแฟชมสายน้ำและบรรยากาศสวยๆ ท่องเที่ยวในสถานที่ใกล้เคียง ไหว้พระทำบุญ หรือหากจะรวมกลุ่มกันมากางเต็นท์ที่ผาก็น่าจะเป็นการใช้ช่วงเวลาทั้งหมดของเส้นทางนี้ได้คุ้มค่ามากที่สุดครับ ทว่าสำหรับผม ในวันนี้ความอิ่มเอมเพียงพอแล้ว เพราะผมอยากจะมานั่งรับลมที่นี่นานพอสมควรจนมีโอกาสได้มาจริงๆตั้งใจไว้แล้วว่าครั้งหน้าคงจะมากางเต็นท์กับเพื่อนๆ หน้าหนาวแบบนี้คงเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานยามได้อยู่กับมิตรสหายที่ไปไหนไปกันครับ สำหรับทริปนี้อาจจะสั้นๆ และไม่ได้ไปครบ แต่ผมเองก็เชื่อว่าถ้าใครได้มาเที่ยวตามรอบน้องหีบครั้งนี้ละก็ จะได้พบเจออะไรพิเศษๆ ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางได้เลยละครับ หลังจากนั้นจะแวะเที่ยวอีกสักนิดสักหน่อยก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลย วังน้ำเขียวยังมีสถานที่อีกมากมายที่น่าเที่ยวน่าชม ฉะนั้นแล้ว ในช่วงเวลาที่หน้าหนาวปีนี้อุณหภูมิลดลงมากๆ ก็ควรค่าแก่การมาสัมผัสความหนาวในระดับโอโซนสุดบริสุทธิ์กันได้ครับ ครั้งหน้า ผมคงจะใช้ช่วงเวลาหน้าหนาวนี้เสาะหาเรื่องราวดีๆ ร้านคาเฟ่เก๋ๆ หรือร้านอาหารเด็ดๆ ทั้งที่โด่งดังและเป็นร้านลับประจำถิ่นมาฝากกันครับ... อย่าลืมติดตามช่องทางของน้องหีบไว้ดีๆ นะครับ เข้ามาที่เดียว ที่กิน ที่เที่ยวครบครันแน่นอน... อย่าลืมแวะมานะครับ เรื่อง/ภาพ น้องหีบ