หากคิดถึงอาหารเกาหลีที่โด่งดังมากๆ รสชาติเปรี้ยว เผ็ด หวานลงตัว นัวได้นัวดีกินคู่กับได้กับทุกๆ มื้ออาหาร ถูกปากถูกใจคนไทยที่สุด ก็คงจะขาด กิมจิ (Kimchi) ไปไม่ได้อย่างแน่นอนค่ะ ผักดองกิมจิ จากประเทศเกาหลี เป็นเมนูผักดองที่มีประวัติความเป็นมาอย่างช้านาน และได้รับกระแสนิยมเป็นอย่างมากในวงการอาหารยุคปัจจุบัน กิมจิ คืออะไร? กิมจิมีประโยชน์อย่างไร จับตะเกียบแน่นๆ แล้วตามไปดูกันต่อเลยค่ะ กิมจิ ผักดองสุดยอดของดีจากประเทศเกาหลี กิมจิ ผักดองกิมจิ (Kimchi) เป็นเครื่องเคียงรสชาติเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน จัดจ้านครบถ้วน จัดเป็นเครื่องเคียงประจำชาติของประเทศเกาหลีเลยก็ว่าได้ นิยมนำมารับประทานคู่กับทุกมื้ออาหาร คาดกันว่ากิมจินั้นมีมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 7 โดยเกิดมาจากความต้องการถนอมอาหารไว้ทานในช่วงหน้าหนาวที่การเพาะปลูกไม่ดี จึงนำเอาผักต่างๆ มาหมัก และผสมเครื่องเทศต่างๆ ลงไปเพื่อปรับรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น ส่วนผสมสำคัญของการทำกิมจิ ได้แก่ ผัก พริกป่นเกาหลี แป้งข้าวเจ้า น้ำปลา น้ำตาลทราย ต้นหอมซอย กระเทียม ขิงสับหรือขิงขูด ใช้ส่วนผสมเหล่านี้คลุกเคล้าจนเข้ากันดี สามารถเอามากินได้ทันที หรือหากเพิ่มความเปรี้ยว เสริมรสอูมามิยิ่งหมักไว้นานเท่าไหร่ก็จะยิ่งอร่อยมากขึ้น (ตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป) และควรเก็บภาชนะที่เราหมักเอาไว้ในที่ที่ค่อนข้างเย็นประมาณ 6-7 องศาเซลเซียส ซึ่งผักดองกิมจินั้น ไม่ได้มีแค่เพียงผักกาดขาวเท่านั้นนะคะ เพราะสามารถใช้กรรมวิธีการหมักนี้กับผักได้หลากหลายชนิด ทั้งแตงกวา หัวไชเท้า ต้นหอม หรือจะเป็นมะละกอก็ยังได้ ความดีงามพระรามแปดของผักดองกิมจิ คือ สามารถกินคู่ได้กับทุกๆ มื้ออาหารเลยค่ะ ไม่ว่าจะทำเป็นซุปกิมจิ ข้าวผัดกิมจิ กินคู่กับรามยอน (บะหมี่เกาหลี) หรือจะกินแบบง่ายๆ คู่กับข้าวสวยร้อนๆ และไข่ดาวก็คือฟิน รวมประโยชน์เด็ดของกิมจิ ผักดองเกาหลี ที่คุณก็ควรกินเป็นประจำเราเองเป็นอีกคนที่ชอบกินกิมจิมากๆ เพราะสามารถเอามาตัดเลี่ยนได้ทุกเมนู คลุกข้าวสวยร้อนๆ ก็อิ่มอร่อยไป 1 มื้อ ผักดองกิมจิ เขาก็ไม่ได้มีดีแค่เพียงรสชาติเท่านั้น แต่คุณประโยชน์ก็มาแบบแน่นๆ อัดมาแบบเน้นๆ ประโยชน์ของการกินกิมจิ (Kimchi)ดีต่อระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย เพราะในผักดองกิมจินั้นมีทั้งโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ที่จะช่วยลดโรคและอาการเกี่ยวกับลำไส้ เช่น ภาวะลำไส้อักเสบ อาการท้องผูก ย่อยยาก ทั้งยังมีส่วนช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดกิมจิมีแลคโตบาซิลัส (Lactobacillus) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ตัวดีที่มีความสำคัญกับร่างกาย ทั้งการย่อยอาหาร การขับถ่าย โดยเฉพาะกับคุณผู้หญิงที่แลคโตบาซิลัสจะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการติดเชื้อในช่องคลอด อาการตกขาวได้ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง มีข้อมูลงานวิจัยบางงานพบว่าจุลินทรีย์แลคโตบาซิลัส ช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง ป่วยยาก ฟื้นตัวจากการป่วยได้ไวในผักดองกิมจิมีกรดแล็กติก ที่ช่วยรักษาสมดุลในระบบทางเดินอาหาร ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และมีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตให้ปกติกิมจิเป็นอาหารที่อุดมด้วยเส้นใยอาหาร วิตามินและเกลือแร่ เพราะกิมจิทำมาจากผักที่มีเส้นใยอาหารอยู่เยอะ เช่น ผักกาดขาว ต้นหอม จึงทำให้ร่างกายได้รับเส้นใยอาหาร ทั้งในกระบวนการหมักดองที่มีการใส่ส่วนผสมอื่นๆ ลงไป ทั้งเกลือ ขิง น้ำตาล และน้ำปลา ก็ช่วยเติมวิตามินและเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการได้อย่างครบถ้วนกิมจิอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ มีการทดลองระยะสั้น 4 สัปดาห์ ในผู้เข้าร่วมการทดลอง 22 คน พบว่าผู้ที่กินกิมจิเป็นประจำจะมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้ำหนักตัว และเปอร์เซ็นต์ไขมันที่ลดลง จะเห็นได้เลยว่ากิมจินั้นมีประโยชน์อัดมาแน่นๆ ช่วยบำรุงและกระตุ้นการทำงานของระบบย่อย และระบบทางเดินอาหารของเราได้เป็นอย่างดี ช่วงไหนที่เราเบื่ออาหาร กินได้น้อยก็จะอาศัยกิมจิมาช่วยเพิ่มรสชาติและกระตุ้นการย่อยไปด้วยในตัว พอเราย่อยดี ถ่ายง่าย สุขภาพของเราก็จะพลอยดีตาม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง หมดปัญหาท้องผูก พอชีวิตดี สุขภาพดี อารมณ์ของเราก็จะดีขึ้นไปด้วย แต่ถึงแม้จะเห็นว่ากิมจิมีประโยชน์มากมายเสียขนาดนี้ แต่ก็มีข้อควรระวังในการกินกิมจิเช่นเดียวกันเลือกซื้อกิมจิกับผู้ผลิตที่น่าไว้วางใจ สะอาดและมีมาตรฐาน เพราะกิมจิเป็นของที่ทำด้วยการหมักดอง หากกระบวนการผลิตไม่สะอาด ก็เสี่ยงที่จะทำให้เราท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษได้ง่ายมากควรเก็บรักษากิมจิที่กินแล้วเอาไว้ที่ที่ค่อนข้างเย็น ให้ดีก็เอาใส่ตู้เย็นไว้เลยค่ะ เพราะกิมจิจะไม่ถูกกับความร้อนมากนัก โดยเฉพาะกับความร้อนของประเทศไทยก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ หากพบว่ามีราหรือจุดขาวๆ ขึ้นบนกิมจิ แบบนี้ต้องทิ้งให้หมดเลยค่ะ ไม่ควรแยกส่วนที่รายังไม่ขึ้นมากินต่อ กิมจิแบบถุงสำเร็จ อาจจะมีการเติมสารปรุงแต่งหลากหลายชนิดเพิ่มเข้ามา ตรงนี้ให้เราอ่านส่วนผสมให้ดีก่อนเลือกซื้อ กินกิมจิได้ทุกวันไหม? กินวันละเท่าไหร่ดี บุคคลที่สุขภาพดีสามารถกินกิมจิได้เป็นประจำทุกวันค่ะ แต่จะต้องกำหนดปริมาณที่เหมาะสมเสียหน่อย มีข้อมูลแนะนำว่ากินวันละ 60-100 กรัมจะกำลังดีค่ะ ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะของหมักดองอาจทำให้เกิดกรด และแก๊สในระบบย่อยอาหารมากเกินไปจนทำให้เราปวดท้องแทนได้ นอกจากนี้กิมจิยังมีส่วนผสมของโซเดียม เช่น เกลือ น้ำปลา ผงชูรส และซอสต่างๆ ค่อนข้างมาก กินเยอะไปโซเดียมจะเกินเอาได้ภาพปกบทความ : ภาพที่1 ภาพที่2 ภาพที่3 โดย Studio South Korea จาก canva แต่งด้วย canvaภาพในเนื้อหา : ภาพที่1 โดย hytkz88 from Pixabay / ภาพที่2 โดย lpegasu from Pixabay / ภาพที่3 โดย lpegasu from Pixabay /ภาพที่4 โดย Studio South Korea / ภาพที่ 5-7 โดย ผู้เขียน แหล่งอ้างอิงข้อมูลบทความวิจัย เรื่อง กิมจิ : คุณค่าทางวัฒนธรรมและมูลค่าทางเศรษฐกิจทศวรรษที่ 1960-ปัจจุบัน7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์