8 วิธีเลือกซื้อหอมแขก หัวสดใหม่ ไม่เน่าเปื่อย | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? การเลือกซื้อหอมแขกที่สดใหม่นั้นสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นหอมของอาหารที่เราทำ เนื่องจากหอมแขกที่สดใหม่จะช่วยให้เมนูอาหารของคุณอร่อยมากยิ่งขึ้นค่ะ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการดูหอมแขก แบบไหนคุณภาพดี แบบไหนไม่เน่าด้านใน แบบไหนน่าซื้อ มีคำตอบมาให้หมดแล้วค่ะ ซึ่งถ้าคุณผู้อ่านได้ลองทำตามเคล็ดลับในการเลือกซื้อหอมแขก ที่ผู้เขียนจะได้พูดถึงดังต่อไปนี้ รับรองว่าหอมแขกที่ได้มาคุ้มค่าแน่นอนค่ะ ส่วนจะมีวิธีการอะไรบ้างนั้น งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ ดังนี้ 1. สังเกตเปลือก เมื่อต้องสังเกตเปลือกหอมแขก และเพื่อให้มั่นใจว่าได้หอมแขกที่สดใหม่จริงๆ เราควรพิจารณาในรายละเอียดดังนี้ค่ะ สีสัน: สีแดงสดใส มักบ่งบอกถึงหอมแขกที่เพิ่งเก็บเกี่ยวใหม่ ๆ เนื้อในยังคงสดใหม่ ถ้าหอมแขกหัวนั้นซีดจาง เป็นสัญญาณว่าหอมแขกถูกเก็บไว้นาน หรืออาจเริ่มเสื่อมคุณภาพค่ะ ถ้าพบว่ามีสีม่วงเข้ม ซึ่งส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณใกล้ราก หรือบริเวณที่สัมผัสกับพื้นดิน เราจะถือเป็นเรื่องปกตินะคะ แต่หากมีรอยม่วงเข้มกระจายไปทั่วหัว นั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มเน่าเสียค่ะ ผิวสัมผัส: หอมแขกที่ดีควรมีผิวเปลือกควรเรียบลื่น ไม่มีรอยขรุขระ หรือรอยบุบ โดยเปลือกไม่ควรแห้งเกินไป เพาะหอมแขกแบบนี้อาจมีเนื้อในแห้งและแข็ง รอยช้ำ: การมีรอยช้ำเล็กน้อย อาจไม่ส่งผลต่อรสชาติมากนัก แต่ควรหลีกเลี่ยงหากพบรอยช้ำจำนวนมากค่ะ แต่ไม่ควรมีรอยแตก เพราะรอยแตกมักเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปทำลายเนื้อในได้ง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงการซื้อหอมแขกที่มีลักษณะแบบนี้ค่ะ รอยด่าง: หากหอมแขกมีรอยด่างสีน้ำตาล แสดงว่ามีการเน่าเสีย หรือถูกแมลงกัดกินค่ะ ในขณะที่รอยด่างสีขาวบนหอมแขก อาจเป็นคราบดิน หรือสารเคมีที่ใช้ในการเกษตรก็ได้ ซึ่งควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ใช่เชื้อรานะคะ ความชื้น: การที่เปลือกชองหอมแขกชื้น หรือมีหยดน้ำติดอยู่ ลักษณะเช่นนี้มักบ่งบอกว่ามีการเน่าเสียหรือมีเชื้อราค่ะ 2. สัมผัสความแข็ง การสัมผัสความแข็งของหอมแขก เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญในการตรวจสอบความสดใหม่ค่ะ ซึ่งปกตินั้นหอมแขกที่สดใหม่จะมีเนื้อแน่น ไม่ยุบตัวเมื่อกดเบาๆ ส่วนหอมแขกที่แห้งเกินไป จะมีเนื้อแข็งและยุบตัวได้ง่าย ส่วนหอมแขกที่เน่าเสีย จะมีเนื้อนิ่มและยุบตัวได้ หอมแขกที่มีความแข็งพอดี จะมีรสชาติที่หวานและหอมตามธรรมชาติค่ะ โดยวิธีการสัมผัสให้ทำตามนี้ค่ะ เลือกหัว: เลือกหัวหอมแขกที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป กดเบาๆ: ใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ ที่ผิวเปลือกทั่วทั้งหัวหอม สังเกตความรู้สึก: หากหัวหอมแข็งกระด้าง ไม่ยุบตัว และรู้สึกถึงความแน่นของเนื้อใน แสดงว่าหอมแขกนั้นสดใหม่ 3. ตรวจสอบราก การตรวจสอบรากของหอมแขกเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการเลือกซื้อหอมแขกที่สดใหม่ค่ะ เพราะรากของหอมแขกนั้นมีบทบาทในการดูดซับน้ำและสารอาหาร ซึ่งหากรากมีปัญหา ก็จะส่งผลต่อคุณภาพของหัวหอมโดยตรงค่ะ โดยรากที่แห้งและแข็งแรงแสดงว่าหอมแขกเพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ๆ และยังคงมีความสดใหม่ รากที่ชื้นหรือมีราขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าหอมแขกกำลังเริ่มเน่าเสียจากภายใน หอมแขกที่มีรากที่ไม่แข็งแรง จะเก็บรักษาได้ไม่นาน และอาจเน่าเสียได้เร็ว และวิธีการตรวจสอบราก มีดังนี้ สังเกตความแห้ง: รากของหอมแขกที่ดีควรแห้งสนิท ไม่ชื้นหรือเปียก ตรวจสอบสี: รากควรมีสีน้ำตาลอ่อน หรือสีขาว ไม่ควรมีสีดำหรือสีเขียว ซึ่งเป็นสัญญาณของการเน่าเสีย สัมผัสความแข็ง: รากควรแข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย ตรวจสอบรอยช้ำ: รากไม่ควรมีรอยช้ำหรือรอยแตกบริเวณโคนราก 4. ดูขนาด ขนาดของหอมแขกนั้นมีผลต่อหลายอย่างนะคะ ทั้งเรื่องของการใช้งาน การเก็บรักษา และรสชาติค่ะ หอมแขกขนาดใหญ่เหมาะสำหรับทำอาหารจำนวนมาก หรือใช้ในการเก็บรักษาในระยะยาว หอมแขกขนาดใหญ่จะมีพื้นที่ผิวสัมผัสกับอากาศน้อยกว่า ทำให้เก็บรักษาได้นานกว่า หอมแขกขนาดเล็กอาจเหี่ยวแห้งได้เร็วกว่า หากคุณผู้อ่านใช้หอมแขกบ่อยๆ การเลือกขนาดกลางหรือเล็กจะเหมาะสมกว่า เพราะจะได้ใช้หมดก่อนที่หอมแขกจะเสีย ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณผู้อ่านใช้หอมแขกไม่บ่อย การเลือกขนาดใหญ่จะช่วยให้คุณเก็บรักษาได้นานขึ้นค่ะ หากมีพื้นที่เก็บจำกัด การเลือกหอมแขกขนาดกลางหรือเล็กจะเหมาะสมกว่า ที่โดยภาพรวมแล้วเคล็ดลับในการเลือกขนาดหอมแขก ให้สังเกตความสมดุลค่ะ ซึ่งหอมแขกที่ดีจะมีขนาดที่สมดุล 5. หลีกเลี่ยงหอมแขกที่มีรอยแตก รอยแตกบนเปลือกหอมแขก ถือเป็นประตูเปิดให้เชื้อราและแบคทีเรียเข้าไปทำลายเนื้อในได้ง่าย เนื่องจากว่ารอยแตกคือช่องว่างที่เปิดให้เชื้อโรคต่างๆ สามารถแทรกซึมเข้าไปยังเนื้อในของหอมแขกได้โดยตรง รอยแตกจะกักเก็บความชื้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย เมื่อเชื้อโรคเข้าไปทำลายเนื้อใน หอมแขกจะเน่าเสียได้เร็วขึ้น ส่งผลต่อรสชาติและคุณค่าทางอาหารค่ะ ซึ่งชนิดของรอยแตกที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ รอยแตกขนาดใหญ่: รอยแตกที่เห็นได้ชัดและมีขนาดใหญ่ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหอมแขกอาจจะเก็บไว้นาน หรือได้รับการกระแทก รอยแตกละเอียด: แม้จะเป็นรอยแตกเล็กๆ แต่ก็สามารถเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปได้เช่นกัน รอยแตกที่ลึก: รอยแตกที่ลึกเข้าไปถึงเนื้อใน จะทำให้หอมแขกเน่าเสียได้เร็วขึ้น วิธีสังเกตและหลีกเลี่ยงหอมแขกที่มีรอยแตก มีวิธีการดังนี้ค่ะ ตรวจสอบรอบด้าน: ก่อนเลือกซื้อ ควรตรวจสอบหอมแขกทุกด้าน เพื่อหารอยแตกที่อาจมองไม่เห็นในตอนแรก สัมผัสเบาๆ: ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเปลือกหอมเบาๆ เพื่อหาจุดที่รู้สึกไม่เรียบหรือมีรอยแตก ส่องดูด้วยแสง: หากมีแสงสว่างเพียงพอ ลองส่องดูที่เปลือกหอม เพื่อสังเกตรอยแตกที่อาจซ่อนอยู่ หลีกเลี่ยงหอมแขกที่มีรอยช้ำ: รอยช้ำมักจะนำไปสู่การเกิดรอยแตกในภายหลัง 6. ตรวจสอบน้ำหนัก น้ำหนักของหอมแขกนั้นสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณน้ำภายในหัวหอม หอมแขกที่มีน้ำหนักดีเมื่อเทียบกับขนาด บ่งบอกว่าภายในอัดแน่นไปด้วยเนื้อหอมที่สดใหม่ ไม่แห้งเหี่ยว และมีคุณภาพดี ปกติหอมแขกที่มีน้ำหนักดีแสดงว่าภายในยังคงมีความชุ่มฉ่ำ เนื้อหอมจะกรอบและมีรสชาติหวานอร่อย ซึ่งหอมแขกที่เพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ ๆ จะมีน้ำหนักมาก เมื่อเทียบกับหอมแขกที่เก็บไว้นาน ซึ่งจะคายน้ำและมีน้ำหนักเบาลง ส่วนหอมแขกที่มีน้ำหนักเบา อาจมีเนื้อในที่แห้งเหี่ยว หรือมีรอยเน่าเสียซ่อนอยู่ภายใน โดยวิธีตรวจสอบน้ำหนักหอมแขก มีดังต่อไปนี้ เปรียบเทียบกับหัวอื่น: เลือกหัวหอมที่มีขนาดใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบ น้ำหนักที่ใกล้เคียงกันบ่งบอกว่ามีคุณภาพใกล้เคียงกัน สัมผัสความหนัก: จับหัวหอมสองมือ แล้วเขย่าเบาๆ หอมแขกที่มีน้ำหนักดี จะรู้สึกถึงความแน่นและหนักมือ กดเบาๆ: กดเบาๆ ที่ผิวเปลือก หอมแขกที่สดใหม่จะไม่ยุบตัวลงไป 7. สังเกตสภาพแวดล้อมในการเก็บรักษาหอมแขก สภาพแวดล้อมในการเก็บรักษาหอมแขกมีผลต่ออายุการใช้งานและคุณภาพของหอมแขกอย่างมาก หากเก็บในสภาพที่ไม่เหมาะสม หอมแขกจะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อาจเกิดเชื้อรา หรือเน่าเสียได้ง่าย โดยหลายคนยังไม่รู้ว่า อุณหภูมิที่เย็นจะช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย ทำให้หอมแขกสดใหม่ได้นานขึ้น ความชื้นสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หอมแขกเน่าเสียได้ง่าย การเก็บในที่แห้งจะช่วยลดความชื้น และป้องกันการเกิดเชื้อรา แสงแดดจะทำให้หอมแขกสูญเสียความชุ่มชื้น และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ซึ่งส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นของหอมแขกค่ะ 8. ดมกลิ่น กลิ่นเป็นตัวบ่งบอกถึงความสดใหม่ของหอมแขกได้เป็นอย่างดี หอมแขกที่สดใหม่จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่แตกต่างจากหอมแขกที่เริ่มเน่าเสีย หรือเก็บไว้นานเกินไป ซึ่งลักษณะของกลิ่นหอมแขกเป็นดังนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆ: หอมแขกสดใหม่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นเอกลักษณ์ ไม่ฉุนรุนแรง ไม่มีกลิ่นเหม็น: หอมแขกที่เริ่มเน่าเสียจะมีกลิ่นเหม็นอับ หรือมีกลิ่นเปรี้ยว ไม่มีกลิ่นอื่นเจือปน: หอมแขกที่ดีจะไม่มีกลิ่นอื่นๆ เจือปน เช่น กลิ่นดิน กลิ่นรา หรือกลิ่นสารเคมี ซึ่งสิ่งที่ควรระวัง มีดังนี้ กลิ่นเหม็น: หากได้กลิ่นเหม็น แสดงว่าหอมแขกเริ่มเน่าเสีย ควรหลีกเลี่ยง กลิ่นเปรี้ยว: กลิ่นเปรี้ยวบ่งบอกว่าหอมแขกอาจจะเก็บไว้นานเกินไป หรือเริ่มมีการหมัก กลิ่นอื่นๆ: หากได้กลิ่นอื่นๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นหอมของหอมแขก แสดงว่าหอมแขกอาจได้รับการปนเปื้อน หรือเก็บไว้ในสภาพที่ไม่เหมาะสม เป็นยังไงบ้างคะ กับเทคนิคทั้ง 8 ข้อสำหรับเลือกหอมแขก พอจะมองภาพออกบ้างแล้วใช่ไหม? ต้องบอกว่าเคล็ดลับในนี้หลายข้อ เป็นสิ่งที่ผู้เขียนนำมาใช้ประจำค่ะ เช่น การดูขนาดของหัวหอมแขก การดูผิวเปลือกและการกดดูความแน่นค่ะ ที่จะว่าไปอีกข้อที่นำมาเป็นเกณฑ์ในใจก็คือ ผู้เขียนมักเลือกซื้อหอมแขกจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ค่ะ โดยที่สะดวกและใกล้ที่สุดจากที่นี่ก็คือตลาดสดค่ะ ก็พบว่า เคล็ดลับในนี้ทำให้ได้หอมแขกที่มีคุณภาพดีและรวดเร็วมากตอนเลือกค่ะ ดังนั้นอย่าลืมไปใช้บ้างนะคะทุกคน ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/jX7YNpW1V5Oz https://food.trueid.net/detail/PN7Z2m8L2LaM https://food.trueid.net/detail/MWDMyBe0A3ap เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !