แรงบันดาลใจช่วงเก็บตัวสำหรับสายแม่บ้านหรือสายกินก็คงไม่พันอาหาร หลายคนอาจใช้บริการสั่งอาหาร ในขณะที่หลายๆ คนถือโอกาสช่วงนี้ฝึกฝีมือทำอาหาร กินได้ไม่ได้ก็ทนไปก่อนก็ยังดีกว่าออกไปผจญภัยนอกบ้าน เมนูอาหารง่ายๆ เครื่องปรุงไม่เยอะวิธีการทำไม่ยุ่ง ที่ผู้เขียนอยากแนะนำ คือ น้ำพริกอ่อง แบบประยุกต์ ที่บอกว่าประยุกต์เพราะว่าทำแบบคนอยู่เมือง (กรุง) อยู่คอนโดหรืออยู่ห้องเล็กๆ มีแค่กระทะไฟฟ้าหรือหม้อหุงข้าวไฟฟ้าก็ทำได้แล้ว เริ่มเตรียมเครื่องปรุงและส่วนผสมกันก่อนเลย เนื้อหมูบด ประมาณ 200 กรัม มะเขือเทศสีดา 9 ผล (หรือมากน้อยตามชอบ) มะเขือเทศราชินี (หรือมะเขือเทศเชอรี่) 20-30 ผล (หรือมากน้อยตามชอบ) น้ำพริกแกงเผ็ด (บางยี่ห้ออาจเขียนกว่าแกงแดง Red curry) 1 ซอง น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนชา (แล้วแต่ความชอบ) ด้วยส่วนผสมประมาณนี้รับประทานได้ประมาณ 3-4 คน หรือถ้าคนเดียวก็เก็บได้หลายมื้อ เตรียมอุปกรณ์และส่วนผสมครบแล้วก็มาเริ่มทำกันเลย ล้างมะเขือเทศให้สะอาด สำหรับมะเขือเทศสีดาให้ผ่า 3-4 ส่วนตามขนาดของผล ส่วนมะเขือเทศราชินี ให้ผ่าครึ่งก็พอ นำมะเขือเทศที่ผ่าแล้วใส่ในครก ตามด้วยพริกแกงเผ็ด ใส่ทั้งหมดจากซองเล็กๆ ที่ซื้อมานั่นเลย จากนั้นตำมะเขือเทศและพริกแกงให้เข้ากันพอประมาณไม่ต้องให้มะเขือเทศแหลก สำหรับใครที่ไม่มีครกสามารถประยุกต์โดยใส่ถุงซิป หรือถุงพลาสติกสะอาดๆ แล้วขยำหรือหาวัสดุมาทุบเบาๆ ให้มะเขือเทศและพริกพอเข้ากัน ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะใช้ไฟอ่อนพอน้ำมันร้อนก็ใส่มะเขือเทศที่ตำกับพริกแกงลงไปจากนั้นเร่งไฟเป็นปานกลางเทคนิคสำหรับคนที่ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า อาจใส่น้ำมันพืชแล้วตามด้วยส่วนผลมลงไปพร้อมกันเลย ผัดส่วนผสมต่างๆ พอได้กลิ่นหอมของพริกแกง ก็ให้ใส่หมูบดตามลงไปผัดจนหมูสุก ปรุงด้วยน้ำตาลทรายเล็กน้อย ชิมรสชาติปรับแต่งตามชอบเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธี สูตรนี้ใช้มะเขือเทศ 2 ชนิด มะเขือเทศสีดาให้รสเปรี้ยว ส่วนมะเขือเทศราชินีให้รสหวาน จึงไม่ต้องใช้เครื่องปรุงรสอื่นๆ เพิ่ม แต่หากอยากได้รสเปรี้ยวเพิ่มให้ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูได้นิดหน่อย และพริกแกงยี่ห้อที่แนะนำ (หลังจากได้ทดลองมาหลายยี่ห้อแล้ว) คือ ยี่ห้อกนกวรรณ (Kanokwan) เพราะเผ็ดน้อยและไม่เค็ม แต่ใช้ยี่ห้ออื่นก็ได้ เช่น โลโบ้ ที่เป็นยี่ห้อยอดนิยม แต่ยี่ห้อนี้จะเผ็ดกว่าเล็กน้อยและออกรสเค็ม ก็ให้เลือกใช้ได้ตามชอบตามสะดวก (ไม่ได้โฆษณาว่ายี่ห้อใดดีกว่ากัน) ส่วนเครื่องเคียงของน้ำพริกอ่องควรจะมีฟักทองต้ม แคบหมู ผักต้ม แต่ถ้าหาไม่ได้ลองผักสดอย่างผักกาดขาว แตงกวา หรือแครอท เมนูนี้ได้สารอาหารครบโดยเฉพาะจะได้ไลโคปีน จากมะเขือเทศคั่กๆ เลย เป็นที่รู้กันดีว่าไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและบำรุงผิว เท่านี้ก็ทำให้การเก็บตัวสนุก อิ่มอร่อยกว่าเดิม และสุขภาพดี ภาพประกอบโดยนักเขียน