เมื่อพูดถึง ขนมจีบและซาลาเปา ที่มีตำนาน และวัฒนธรรมการทาน ติ่มซำDimsum ของคนจีนที่มีมาช้านาน โดยคนจีนนั้นนิยมทำชาร่วมกับติ่มซำ เพื่อเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย หรืออาหารในยามว่าง เป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่ง ที่คนจีนนั้น ปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้ผู้เขียนจะขอพูดถึง ขนมจีบและซาลาเปา ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูติ่มซำ ที่ขึ้นชื่อของแดนมังกร จนถึงสมัยที่มี ชาวจีนมาตั้งรกรากถิ่นฐานที่ประเทศไทยก็ได้นำเอาวัฒนธรรมการรับประทานอาหารว่างเหล่านี้ เข้ามาเผยแพร่และทำขายในย่านของคนจีน อีกด้วย ซาลาเปา นับได้ว่าเป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม ทั้งคนจีนและคนไทย โดยได้มีการดัดแปลงมาจาก หมั่นโถว ทำจากแป้ง ปั้นให้เป็นลูกกลม ๆ จากนั้นนำไปนึ่งหรือทอด คนจีนโบราณ นิยมทานหมั่นโถวนึ่ง ทานกับอาหารแทนข้าว ปัจจุบันได้มีการดัดแปลง โดยการทำไส้ของซาลาเปา ที่พบเห็นตามท้องตลาด เช่นไส้เค็ม ,ไส้หมูแดง ,ไข่เค็ม , ไส้ถั่ว ( หวาน ) , ไส้ครีม ,ไส้ผัก ,ไส้ปลา นับว่า เป็นอาหารว่างชนิดนึงที่อร่อย สามารถทานได้ทุกเวลา และที่สำคัญ เมนูซาลาเปา ยังมีสารอาหารทั้งแป้ง , ผัก และเนื้อ โดยแต่ละร้านก็จะมีสูตรของไส้ที่เป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างกัน ขนมจีบ ติ่มซำอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย ในสมัยก่อนมีตลาดขายสินค้าบนเส้นทางสายไหม จะมีร้านขายติ่มซำเล็ก ๆ โดยจะมีขนมจีบขายคู่กับน้ำชา ขนมจีบในสมัยนั้นจะใช้แผ่นแป้งบาง ๆ ห่อกับหมูทรงเครื่อง หรือ หรือหัวไชเท้าผัดกับเครื่องเทศสูตรกวางตุ้ง จิ้มกับซอสถั่วเหลืองหรือ น้ำจิ้มที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งในปัจจุบันมีร้านขายขนมจีบมากมาย แต่ละร้านจะใช้แผ่นแป้งหรือเกี๊ยว และไส้ที่แตกต่างกันไป ขนมจีบของไทยในปัจจุบัน เป็นไส้หมูทรงเครื่อง หรือไส้กุ้งสับทรงเครื่อง เป็นส่วนใหญ่ มีการดัดแปลง ให้เป็นรสชาติที่กลมกล่อม และใส่เครื่องเทศของไทย สมุนไพรไทย ที่เป็นรสชาติของคนไทย ทานกับน้ำจิ้มเปรี้ยว หรือ ซอสสำเร็จรูป เพื่อชูรสชาติของขนมจีบให้อร่อยยิ่งขึ้น นับได้ว่า ติ่มซำในปัจจุบัน ก็ยังมีอีกหลายเมนู เช่น ฮะเก๋า , เกี๊ยวทอด , ปอเปี๊ยะทอด , กวางเจียง , กุ้งหมูนึ่งสาหร่าย ซึ่งเมนูเหล่านี้สามารถหาทานได้ในร้านติ่มซำทั่วไป ที่ผู้เขียนยกเอาขนมจีบและซาลาเปา มาเป็นเมนูหลักวันนี้ คืออยากให้ท่านได้รู้จักกับอาหารว่าง 2 ชนิดนี้ อาหารว่างที่ให้ประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการ ทานในขณะที่ร้อน ๆ จะทำให้มีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น หมายเหต รูปภาพผู้เขียนเป็นผู้ถ่ายเองทั้งหมด